"เพื่อให้ไม่มีผลเกี่ยวโยงกับการเมือง ขอประกาศลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป...ผมรักการเมือง แต่ตัดสินใจออกจากการเป็นส.ส.เพราะรักประชาชนมากกว่า" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพได้สอบถามความเห็นของประชาชนที่มาชุมนุมว่าจะยุติชุมนุมเพราะพอใจกับชัยชนะที่ได้มาแล้วหรือไม่ ซึ่งผู้ชุมนุมต่างเงียบเสียง แต่เมื่อถามว่าจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไปหรือไม่ก็มีเสียงโห่ร้องของผู้ชุมนุม
"ผมขอประกาศว่ามติของประชาชนชาวไทยที่รักชาติรักแผ่นดินมีมติเป็นเอกฉันท์ให้สู้ต่อไป" นายสุเทพ กล่าว
นายสุเทพ กล่าวว่า ยังมีเพื่อนที่จะลาออกจาก ส.ส.มาร่วมต่อสู้อีก 8 คน ได้แก่ นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา เป็นอดีตอัยการจะมาช่วยดูแลเรื่องคดีความ, นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง จะมาเป็นผู้กำกับเวทีประชาชน, นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมาตัวแทนประชาชนภาคอีสานในการต่อสู้ครั้งนี้, นายวิทยา แก้วภราดัย ส.ส.นครศรีธรรมราช, นายชุมพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ดูแลเรื่องเสบียงอาหาร, นายพุฒิพงศ์ ปุณณกันต์ ส.ส.กทม., นายเอกณัฐ พร้อมพันธ์ ส.ส.กทม. และนายณัฐพล ประทีปสุวรรณ ส.ส.กทม.จะมาเป็นแกนนำแทนตนเอง หากตนเองเป็นอะไรไป
นายสุเทพ กล่าวว่า ยึดถนนราชดำเนินเป็นฐานที่มั่น จนกว่าจะประสบชัยชนะ ส่วนพี่น้องประชาชนเวทีอื่นให้รักษาที่มั่นไว้เช่นกัน
"ขอให้ทุกเครือข่าย ทุกเวทีต่อสู้ ปฎิบัติใหสอดคล้องกัน และขอประกาศยกระดับการต่อสู่ด้วยการเชิญชวนประชชนกระทำอารยะขัดขืนอย่างเข้มแข้งทั่วประเทศ"
มาตรการที่หนึ่ง ขอเชิญชวนให้หน่วยงานราชการ บริษัท ห้างร้าน และโรงเรียนทั่วประเทศหยุดงานและหยุดทำการเรียนการสอนช่วงวันที่ 13-15 พ.ย.นี้
มาตรการที่สอง ขอให้เจ้าของธุรกิจ ห้างร้าน เอกชน ชะลอการชำระภาษี เพื่อไม่ให้รัฐบาลมีเงิน
มาตรการที่สาม ขอให้ต่อสู้ด้วยสัญญลักษณ์
"ขอให้ทุกบ้าน สำนักงาน ชักธงชาติขึ้นทั่วประเทศ ไปไหน มาไหน ติดธงชาติไว้ และแขวนคอด้วยนกหวีด"
และมาตรการที่สี่ ตั้งแต่นาทีนี้เป็นต้นไป ถ้าประชาชนพบเห็นนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีทั้งหลาย ไม่ให้พูดด้วย แต่ให้เป่านกหวีดเข้าใส่แทน
"นี่คือ 4 มาตรการที่ผมคิดได้ และขอเชิญพี่น้องประชานทั่วประเทศช่วยกันคิดที่จะทำอารยะขัดขืนให้กว้างขวางยิ่งขึ้น แต่อยู่ในกรอบของกฎหมาย" นายสุเทพ กล่าว