ส่วนการประกาศมาตรการอาระขัดขืน 4 ข้อ โดยเฉพาะการงดเสียภาษีของผู้ชุมนุมจะส่งผลกระทบต่อประเทศ และทำให้ประเทศขาดความเชื่อมั่นกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงขอให้ประชาชนตั้งสติและพิจารณาว่าควรจะให้การสนับสนุนหรือไม่ เพราะข้อเรียกร้องดังกล่าวถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรงต่อประเทศ รวมถึงเรื่องการนัดหยุดงานซึ่งจะส่งผลกระทบในภาพรวมต่อประเทศเช่นกัน
พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศนัดหยุดงานและงดเสียภาษีนั้น ขอให้ประชาชนตรวจสอบว่ากิจการในเครือข่าย และกลุ่มทุนพรรคประชาธิปัตย์จะหยุดงานหรืองดเสียภาษีจริงหรือไม่ โดยเฉพาการเสียภาษีนิติบุคคลที่จะเกิดขึ้นในทุกเดือน หากไม่ดำเนินการเสียภาษีจะต้องถูกปรับตามกฎหมาย
นายณัฐวุฒิ เชื่อว่า การชุมนุมจะยกระดับขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการชุมนุมที่ยืดเยื้อ ซึ่งเป้าหมายต่อไปของพรรคประชาธิปัตย์ คือการชุมนุมจนถึงวันที่ 20 พ.ย.นี้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะวินิฉัยคำร้องคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของ ส.ว. พร้อมเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์ ประกาศจุดยืนว่าการประชุมนุมจะไม่นำไปสู่การปฎิวัติ
สำหรับการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นการชุมนุมที่ออกมาปกป้องรัฐบาล จะไม่มีการใช้ความรุนแรง และไม่ต้องการให้เกิดการเผชิญหน้าและจะประเมินสถานการณ์อีกทีว่าจะตั้งเวทีเสื้อแดงที่กรุงเทพฯ หรือไม่ ส่วนกรณีที่ตนจะประกาศลาออกจากตำแหน่ง รมช.พาณิชย์ เพื่อมาเป็นแกนนำม็อบคนเสื้อแดงอย่างเต็มตัวหรือไม่นั้น จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกวัน
นายณัฐวุฒิ ยังขอร้องพรรคประชาธิปัตย์ควรหันมาใช้เวทีสภาฯ อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเป็นเวทีในการหาทางออก พร้อมกับเรียกร้องให้กับอัยการสูงสุดเร่งนำคดีสั่งฆ่าประชาชนของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส่งฟ้องต่อศาลให้เร็วขึ้น เพราะนายสุเทพ ไม่มีเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองแล้ว หลังประกาศจะลาออกเพื่อมาเป็นแกนนำม็อบ และขอให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวด้วย