ประเด็นแรกคือ ประชาชนคิดว่าการต่อต้านของม็อบควรจะดำเนินการต่อไปอย่างไร หลังจากที่มีการถอน พ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกจากสภาและวุฒิสภาก็คว่ำนิรโทษฉบับนี้แล้ว อันดับ 1 ควรยุติการชุมนุม 69.67% เพราะรัฐบาลก็ได้ถอนพ.ร.บ.นิรโทษกรรมออกจากสภาแล้ว ไม่อยากเห็นบ้านเมืองวุ่นวายมากไปกว่านี้ ควรใช้การเจรจาพูดคุยกันอย่างสันติจะดีกว่า ประชาชนทั่วไปได้รับผลกระทบจากการจราจรติดขัด ผู้ประกอบการ ร้านค้า สถานศึกษาต่างๆ ต้องหยุดชั่วคราวได้ไม่คุ้มเสีย ฯลฯ
อันดับ 2 ควรจะชุมนุมต่อไป 30.33% เพราะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเมือง แสดงให้เห็นถึงพลังและสิทธิของประชาชนที่ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการต่างๆด้วยความถูกต้อง ยุติธรรม ยังไม่ไว้วางใจรัฐบาล กลัวว่ารัฐบาลจะไม่ทำตามที่พูดไว้ ฯลฯ
ประเด็นต่อมา จากกรณีการตัดสินปราสาทเขาพระวิหารของศาลโลกแล้ว ประชาชนคิดว่าการต่อต้านของม็อบควรจะดำเนินการต่อไปอย่างไร? อันดับ 1 ควรยุติการชุมนุม 85.82% เพราะ ศาลโลกก็ได้ตัดสินไปแล้ว ควรยอมรับและเคารพการตัดสินของศาล ไม่อยากเห็นสถานการณ์บ้านเมืองเลวร้ายไปกว่านี้ การชุมนุมไม่ได้ส่งผลดีต่อใครโดยเฉพาะภาพลักษณ์ของประเทศ รู้สึกเป็นห่วงและกังวลว่าชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่จะไม่ได้รับความปลอดภัย ฯลฯ
อันดับ 2 ควรจะชุมนุมต่อไป 14.18% เพราะ ไม่พึงพอใจกับการตัดสินของศาลโลกและการดำเนินการของรัฐบาล รู้สึกขัดแย้งอยู่ในใจ ประเทศไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม แสดงให้เห็นถึงความรักความหวงแหนปราสาทเขาพระวิหารของคนไทย ฯลฯ
ประเด็นถัดมา สถานการณ์บ้านเมือง ณ เวลานี้ ประชาชนคิดว่าการมีม็อบขับไล่รัฐบาลนั้นเป็นการสมควรหรือไม่ ? อันดับ 1 เห็นว่าไม่สมควร 59.62% เพราะ เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง ควรใช้วิธีการเจรจาพูดคุยด้วยเหตุผลจะดีกว่า ทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศแย่ลง เศรษฐกิจ การลงทุนต่างๆต้องหยุดชะงัก บ้านเมืองไม่มีความสงบสุข ประชาชนเกิดความขัดแย้งแตกแยก ฯลฯ
อันดับ 2 สมควร 40.38% เพราะ รัฐบาลไม่มีความสามารถในการบริหารประเทศ การทำงาน การแก้ปัญหาต่างๆผิดพลาดบ่อยครั้ง เห็นแก่อำนาจและประโยชน์ส่วนตัว ช่วยเหลือพวกพ้อง ไม่เห็นด้วยกับ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ฯลฯ
ประเด็นสุดท้าย คือ ประชาชนเสนอทางออกของประเทศไทย ณ วันนี้ที่กำลังวุ่นวายสับสน ดังต่อไปนี้ คือ อันดับ 1 ให้ทุกฝ่ายยุติการยั่วยุ ใส่ร้ายซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการตั้งเวทีตอบโต้กันไปมา 30.84% อันดับ 2 แต่ละฝ่ายต้องคำนึงถึงประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ อย่าคำนึงถึงเฉพาะ ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง 27.10%
อันดับ 3 ควรหันมาพูดคุยเจรจากัน ฟังเหตุฟังผล มีสติ 24.30% อันดับ 4 อย่าใช้เกมการเมืองมาแก้ปัญหา เพราะจะทำให้การต่อสู้แข่งขันดุเดือดขึ้น 12.15% และ อื่นๆ 5.61% เช่น ควรเคารพกฎหมาย หยุดคอรัปชั่น รัฐบาล ฝ่ายค้านและทุกฝ่าย ขอให้ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ฯลฯ 5.61%
สวนดุสิตโพล ได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ โดยวิธีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลและใช้โทรศัพท์สัมภาษณ์จำนวนทั้งสิ้น 1,284 คน ระหว่างวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2556