"ยังทำหน้าที่ได้ตามปกติจนกว่า ป.ป.ช.จะชี้มูลความผิด แต่การบอกว่าคดีมีมูล ก็ยังไม่ใช่การชี้ว่าผิดหรือไม่ผิด เพราะต้องส่งเรื่องกลับมาที่วุฒิสภาเข้าสู่กระบวนการถอดถอน หรือส่งไปยังอัยการในกรณีที่เห็นว่ามีมูลความผิดทางอาญาอยู่ด้วย" นายสุรชัย กล่าว
พร้อมเห็นว่า แม้ในเรื่องการทำงานของป.ป.ช.จะไม่มีข้อกฎหมายที่กำหนดกรอบเวลาในการพิจารณาไว้ แต่ ป.ป.ช.ควรจะดำเนินการให้เร็ว เพราะการที่ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้ก็มีผลกระทบในทางสังคม เนื่องจากทั้งนายสมศักดิ์ และนายนิคม ต่างเป็นผู้ใหญ่อยู่ในฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งหากการพิจารณาล่าช้าก็จะยิ่งเป็นมลทินต่อชื่อเสียงของบุคคลทั้งสอง
นายสุรชัย กล่าวด้วยว่า ขณะนี้แต่ละฝ่ายเริ่มออกมาใช้สิทธิในการตรวจสอบฝ่ายตรงข้ามกันมากขึ้น ดังนั้นจึงฝากขอร้องไปยังทุกฝ่ายให้ช่วยกันดูแลบ้านเมือง อะไรที่จะเป็นชนวนหรือต้นเหตุในการเพิ่มเติมความร้อนแรงให้บ้านเมืองก็อย่าทำ ขอให้ยึดหลักนิติรัฐจะเป็นทางออกที่ดี พร้อมขอให้ทุกฝ่ายทบทวนบทบาทของตัวเองให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายบ้านเมือง จะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้
ก่อนหน้านี้ ทีมกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์(ป.ช.ป.) และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(ค.ป.ท.) ได้เข้ายื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายสมศักดิ์ และนายนิคม เพื่อถอดถอนจากตำแหน่ง สืบเนื่องจากผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ว่าการแก้รัฐธรรมนูญ ที่มา ส.ว.ขัดมาตรา 68 และระบุว่าบุคคลทั้ง 2 ได้กระทำการไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมรัฐสภา