"คงไม่มีผลอะไร เพราะวันที่นายสมชาย เป็นนายกฯ ก็เป็นนายกฯ คนเดียวที่ไม่ได้ทำงานในทำเนียบฯตลอดวาระ เพราะโดนพันธมิตรยึด คงไม่เป็นตัวแปรอะไร เป็นแค่การท้าทาย และปรามาสผู้ชุมนุม ไม่ได้เป็นผลอะไร หรืออาจเป็นได้ที่จะยุบสภาหลัง 2 ธ.ค.หรือไม่ หลังจากได้สิทธิทางการเมืองคืนมา" นายสุริยะใส กล่าว
พร้อมระบุว่า สถานการณ์ทางการเมืองยังมีตัวแปรอื่นๆ ที่ต้องติดตามควบคู่กันไป เช่น การประชุมของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ที่จะชี้มูลความผิดกรณี ส.ส.และ ส.ว. 312 คนที่ร่วมลงชื่อในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นที่มาของส.ว.ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่าขัดต่อกฎหมาย รวมทั้งสถานการณ์การชุมนุมหลายจุดในขณะนี้ด้วย
ส่วนที่รัฐบาลมองว่าการชุมนุมปิดล้อมสถานที่ราชการไม่ใช่การดำเนินการตามแนวทางอารยะขัดขืนนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ตราบใดที่ผู้ชุมนุมไม่มีการจับเจ้าหน้าที่รัฐเป็นตัวประกัน คุกคามทำร้ายร่างกาย หรือเผาสถานที่ต่างๆ ก็ยังถือว่าเป็นการดำเนินตามแนวทางอารยะขัดขืน ซึ่งแกนนำระดับการปฏิบัติการทุกจุดยังเคร่งครัดในเรื่องนี้มาก จุดใดที่ไม่สามารถเข้าไปได้ก็จะชุมนุมอยู่เพียงภายนอกเท่านั้น เช่น กระทรวงมหาดไทย