จนกระทั่งเวลาประมาณ 11.30 น.เกิดเหตุกลุ่มผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ปะทะกัน ทำให้มีตำรวจได้รับบาดเจ็บ 2 นาย ก่อนที่นายประยูร รัตนเสนีย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้ตัดสินใจสั่งเปิดประตูให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาปักหลักชุมนุมในบริเวณศาลากลางจังหวัด พร้อมขอความร่วมมือไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ทำลายทรัพย์สินของทางราชการ
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่หยุดงานได้เนื่องจากสถานการณ์เมืองไม่สงบ และให้เก็บเอกสารสำคัญไว้ในที่ปลอดภัย ปิดห้องทำงานป้องกันกลุ่มผู้ชุมนุมบุกรุกเข้าไป
ขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่ามีศาลากลาง 4 จังหวัด ที่ถูกปิดล้อมคือ ตรัง ชุมพร สงขลา สตูล อย่างไรก็ตามตนได้ทำหนังสือส่งเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดแล้วว่าศาลากลางถือเป็นสัญลักษณ์ของศูนย์กลางบริหารงาน เป็นที่ที่ให้บริการแก่ประชาชน หากมาทำให้ศาลากลางไม่สามารถให้บริการประชาชนได้เท่ากับว่าเป็นการทำร้ายประชาชน อย่างไรก็ตามผวจ.ใช้กฎหมายปภ.ได้ในทันทีเพราะถือเป็นภัยพิบัติชนิดหนึ่ง แต่ถ้าเหนือบ่ากว่าแรงก็ต้องใช้ต่อๆไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ส่วนในกทม.ยังใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงได้ เอาอยู่
ทั้งนี้ ขอเตือนไปยังผู้ชุมนุมว่าการยึดสถานที่ราชการหรือทำลายทรัพย์สินทางราชการ จะผิดกฎหมายอาญา มาตรา 115 และ 116 มีโทษติดคุก 7 ปี อายุความคดีคือ 10 ปี
"นี่ไม่ใช่การขู่และยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปจับกุมในวันนี้ และข้อเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทยหยุดงานนั้นไม่สามารถรับข้อเรียกร้องได้ แต่หากผู้ชุมนุมมีการบุกรุกล้อมรั้วไว้เจ้าหน้าที่ก็จะเข้าไปทำงานไม่ได้ ความผิดไม่ได้ตกอยู่ที่เจ้าหน้าที่ แต่อยู่ที่พวกเขา" นายจารุพงศ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวรายงานว่าขณะนี้ มี 10 จังหวัด ที่มีมวลชนเข้าตรึงศาลากลางจังหวัด ประกอบด้วย สงขลา ยะลา สุราษฎร์ธานี ตรัง พังงา นครศรีธรรมราช ภูเก็ต สตูล ขอนแก่น พิษณุโลก