สำหรับการจับกุมตัวนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำกลุ่มโค่นล้มระบอบทักษิณ ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ซึ่งคงต้องรอให้สถานการณ์คลี่คลายก่อน ขณะเดียวกัน กรณีการบุกรุกสถานที่ราชการ และการขอคืนพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังเน้นปฎิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และใช้การเจรจาเป็นหลัก
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า กรณีที่ศาลแพ่งยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราวให้ขับไล่กลุ่มผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่กระทรวงการคลัง เนื่องจากเห็นว่ามีการประกาศ พ.ร.บ.มั่นคงฯ นั้น จะมีการดำเนินการตามประกาศ พ.ร.บ. มั่นคงฯ และใช้การเจรจาเป็นหลัก
ด้านพล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกศอ.รส. กล่าวถึงสถานการณ์การชุมนุมล่าสุดว่า ยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมาก ปักหลักชุมนุมที่บริเวณศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ โดย กระจายไปยังพื้นที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ศาลปกครอง และกระทรวง ไอซีที ยังไม่พบว่ามีการเข้าไปในตัวอาคารแต่อย่างใด ทั้งนี้ ล่าสุดมีการประกาศว่าจะมีการปักหลักค้างคืนบริเวณดังกล่าว นั้น ตำรวจยืนยันว่า เน้นการเจรจาให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่และจะแจ้งให้ทราบว่าการกระทำดังกล่าวมีความผิด โดยตำรวจจะดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ในการตั้งด่านความมั่นคงอย่างเข้มงวด
ขณะเดียวกันยัง พบว่า มีกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักบริเวณกระทรวงพลังงาน โดยได้มีการใช้โซ่ล็อคประตูทางเข้าด้านหน้า ซึ่งตำรวจร่วมกับ รปภ. บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ส่วนการชุมนุมในพื้นที่ต่างจังหวัด พบว่า มีผู้ชุมนุมรวมตัวกัน รวม 7 จังหวัด ประกอบด้วย นครศรีธรรมราช สุราษธานี ชุมพร พังงา ภูเก็ต ระนอง และกระบี่ โดยจังหวัดนครศรีธรรมราชมีการเรียกร้อง ให้ข้าราชการหยุดงาน 3 วัน