โดยได้แสดงความเป็นห่วงว่า หากมีการเปลี่ยนแปลงการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตยจะยิ่งส่งผลให้ประเทศชาติเกิดความเสียหาย และไม่สามารถหาทางออกให้ประเทศได้
"การเคลื่อนไหวนี้ไม่มีทางเป็นอย่างอื่น ถ้าสำเร็จจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คือ จะเกิดการรัฐประหารในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้กองกำลังทหารหรือไม่ก็ตาม ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นปัญหาสังคมที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น และจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ไปอีกนาน" นายจาตุรนต์ กล่าว
พร้อมมองว่า แนวทางที่รัฐบาลจะดำเนินการในขณะนี้คงต้องยืนกระต่ายขาเดียวที่จะไม่ใช้ความรุนแรง ซึ่งถือเป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยป้องกันการนำไปสู่การรัฐประหารได้ รวมถึงการชี้แจงต่อสังคมให้มากขึ้น เพื่อให้เห็นว่าการชุมนุมแบบนี้ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และอีกประการคือต้องใช้เวลาเป็นตัวช่วยในการระงับยับยั้งปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ส่วนแนวทางการยุบสภานั้น นายจาตุรนต์ มองว่า เป็นวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหาวิกฤตทางการเมือง แต่ต้องยอมรับว่าผู้ชุมนุมได้ปฏิเสธแนวทางดังกล่าว ซึ่งเข้าใจได้ว่าการเคลื่อนไหวนี้เป็นความพยายามในการหาทางออกในแนวทางที่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบรัฐสภา ส่วนการหาคนกลางมาทำหน้าที่เจรจานั้น เห็นว่ารัฐบาลไม่ควรเป็นผู้เสนอหรือเลือกคนกลางมาเจรจา ส่วนจะเป็นบุคคลใดนั้น ควรให้สังคมช่วยกันเสนอบุคคลที่มีความเหมาะสม
นายจาตุรนต์ ยอมรับว่า มีความเป็นห่วงจะเกิดเหตุการณ์ปะทะกันจาก 2 ฝ่ายระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนรัฐบาลและกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาล โดยได้เสนอว่าในฐานะที่ตนเองสามารถพูดคุยกับกลุ่มคนเสื้อแดงได้นั้น ขอให้คำแนะนำว่าให้กลุ่มคนเสื้อแดงใช้ความอดกลั้นและไม่ตอบโต้
ส่วนเป้าหมายของกลุ่มนายสุเทพที่ต้องการโค่นระบอบทักษิณนั้นเป็นเพียงข้อเรียกร้องที่เป็นนามธรรม ไม่สามารถชี้ให้เห็นได้ชัดเจนว่าระบอบทักษิณคืออะไร เป็นลักษณะของการใช้อารมณ์และความรู้สึกมากกว่าเหตุผล อีกทั้งยังเป็นข้อเสนอเก่าที่มีมาแล้วก่อนการปฏิวัติในปี 49