พล.อ.นิพันธ์ กล่าวว่า ทหารยังคงในที่ตั้ง การดูแลสถานการณ์เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) โดยทหารไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง แต่จะมีการเคลื่อนกำลังไปซักซ้อมงานพระราชพิธีถวายสัตย์ 5 ธันวาคม 2556 ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ เท่านั้น ซึ่งจะมีการแจ้งทำความเข้าใจเป็นระยะๆ พร้อมยืนยันว่า ทหารจะอยู่ในกรอบของกฎหมาย และปฎิบัติตามอำนาจหน้าที่ พร้อมเรียกร้องให้ประชาชนใช้วิจารณญาณว่าควรดำเนินการตามแนวทางของแกนนำหรือไม่ เพราะการบุกรุกสถานที่ราชการเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ซึ่งเหล่าทัพได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
พล.ท.ภราดร ระบุว่า สถานการณ์การชุมนุมขณะนี้ขอให้ประชาชนอย่าเชื่อคำยุยงของแกนนำ และให้ประชาชนมีความเตรียมพร้อม มีสติ สมาธิ ในการรับฟังแกนนำ และยอมรับว่ามีความเป็นห่วงสถานการณ์แทรกซ้อนหากมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก ดังนั้นขอความร่วมมือประชาชนในการช่วยกันดูแลสอดส่องความเรียบร้อยร่วมกับเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้รัฐบาลยังดูแลการชุมนุมได้ มั่นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจจะรักษาพื้นที่ทำเนียบฯ และรัฐสภาไว้ได้ โดยจะวางตัวเป็นกลางดูแลประชาชนทั้งในฝ่ายที่เห็นต่าง และสนับสนุนรัฐบาล
ส่วนนายวิบูลย์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยยึดนโยบายของรัฐบาล เน้นการดูแลประชาชน ขณะที่การชุมนุมที่ศาลากลางหลายจังหวัดบางแห่งไม่รุนแรง และยังเปิดให้บริการประชาชนได้ พร้อมให้แนวทางให้ผู้ว่าราชการ หัวหน้าส่วนราชการ ระดับจังหวัด ยึดหลักสันติ ระมัดระวังการปะทะกันระหว่างมวลชน พร้อมเรียกร้องหากกลุ่มผู้ชุมแสดงจุดยืนแล้ว ก็ขอให้ยุติการชุมนุม
นายชูเกียรติ กล่าวว่า การบุกรุกและทำลายทรัพย์สินสถานที่ราชการถือว่ามีโทษที่สูงกว่าปกติ จึงขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมระมัดระวังและพิจารณา อีกทั้งการละเมิดสิทธิ์คนอื่น ก็มีคดีความที่เกิดขึ้นมาแล้ว
และนายธงทอง กล่าวว่า ขณะนี้ส่วนงานราชการต่างๆ ยังไม่เกิดผลกระทบ เพราะรัฐบาลมีการวางระบบสาระสนเทศ เชื่อมโยงทุกหน่วยงานราชการที่มีความพร้อมรองรับการทำงานในสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว ทำให้การเบิกจ่ายเงินเดือน และการบริการขั้นพื้นฐานประชาชนยังทำได้ตามปกติ เพียงจะติดขัดด้านการจราจรเท่านั้น
ทั้งนี้ประชาชนจะสอบถามการให้บริการของหน่วยงานราชการกับประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบได้ที่ www.1111.go.th ส่วนผู้ที่จะร้องเรียนผลกระทบจากการชุมนุม โทรศัพท์ร้องทุกได้ที่ สายด่วน 1111 กด 2