ภายหลังการชี้แจง นายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะใช้ความอดทนอดกลั้น เนื่องจากไม่ต้องการให้ซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีต มิฉะนั้นเราจะไม่สามารถฝ่าวงล้อมวงจรอุบาทว์นี้ไปได้เลย ประเทศไทยต้องก้าวสู่ประชาธิปไตยอย่างที่สังคมโลกเป็น โดยต้องการให้การชุมนุมเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะพยายามอย่างที่สุดในการคลี่คลายสถานการณ์และพร้อมเจรจากับผู้ชุมนุม
อย่างไรก็ตาม ในการชี้แจงครั้งนี้ได้นำภาพกลุ่มผู้ชุมนุมบุกยึดสถานที่ ราชการต่าง ๆ และการทำร้ายกลุ่มนปช.มาแสดงต่อคณะทูตต่างประเทศด้วย ขณะที่เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยสอบถามถึงคำแถลงของนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ จึงด้อธิบายว่ารัฐบาลยืนยันว่าพร้อมลาออกหรือยุบสภา หากฝ่ายประท้วงเข้าสู่ความสงบ แต่ขณะนี้ข้อเรียกร้องของแกนนำผู้ชุมนุมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ ซึ่งทุกประเทศก็เข้าใจ
นอกจากนั้น เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ได้สอบถามถึงกำหนดการเยือนรัสเซียของนายกรัฐมนตรี ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 8-10 ธ.ค.นี้ ตนได้ชี้แจงว่าขณะนี้ยังตอบไม่ได้ เนื่องจากเรื่องต่าง ๆ ในประเทศไทยยังวุ่นวายอยู่
"นี่คือตัวอย่างที่อยากให้ประชาชนเข้าใจว่ารัฐบาลยังมีภารกิจอยู่มาก แต่ก็ต้องมาแก้ไขเรื่องที่ไม่ควรเป็นเรื่อง นอกจากนี้อยากให้ทุกฝ่ายเข้าใจว่าการเรียกร้องยังเป็นแค่คนกลุ่มหนึ่ง แต่ประเทศไทยไม่ใช่ของคนไทยกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นของทุกคน อีกทั้งตนยังได้อธิบายความหมายของคำว่า ? สภาประชาชน " ให้กับคณะทูตรับทราบ ว่า คำนี้ไม่ได้ถูกบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่มันคืออะไรก็ไม่รู้ที่นายสุเทพ บัญญัติขึ้นมาเอง และไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย แต่เป็นระบอบสุเทพ"นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีหลายประเทศเสนอตัวเป็นคนกลางประสานระหว่าง 2 ฝ่าย อาทิ สวิตเซอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา และจีน โดยรัฐบาลก็ยินดีรับฟังข้อเสนอแนะ ไม่ได้คิดว่าเป็นการก้าวก่าย เพราะรัฐบาลเปิดกว้างและยึดมั่นในแนวทางเจรจา จึงอยากฝากไปถึงนายสุเทพว่านายสุรพงษ์ขอให้มาเจรจากัน