"การตรวจสอบใบขนย้าย เพื่อให้รู้เส้นทางของข้าวที่กระทรวงพาณิชย์บอกว่าขายจีทูจีให้กับรัฐวิสากิจของจีนนั้นขายให้จริงหรือไม่ ได้มีการขนข้าวออกจากโกดังเพื่อส่งออกให้จีนจริงหรือไม่ หรือมีการนำข้าวมาวนขายในประเทศหรือไม่ รวมทั้งให้รู้เส้นทางของเงินที่นำมาซื้อข้าวว่ามาจากไหน ซึ่งเมื่อได้เอกสารครบถ้วนแล้ว ต่อไปจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น เจ้าของโกดังที่ อคส.ขนข้าวออก หัวหน้าคลังสินค้าของ อคส.ที่ดูแลโกดัง มาให้ปากคำ" นายวิทยา กล่าว
นายวิทยา กล่าวว่า หากตรวจสอบแล้วพบว่าเข้าข่ายมีการทุจริตจริง ป.ป.ช.จะแจ้งข้อกล่าวหาให้บุคคลที่เกี่ยวข้องได้รับทราบ หากเป็นข้าราชการประจำจะแจ้งต้นสังกัดให้พิจารณาเอาผิดทางวินัย และฟ้องศาลฎีกาให้เอาผิดทางอาญาด้วย แต่หากเป็นข้าราชการการเมืองจะแจ้งความดำเนินคดีกับศาลฏีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ด้านนายชนุตร์ปกรณ์ วงศ์สีนิล ผู้อำนวยการ อคส.กล่าวว่า ได้ชี้แจง ป.ป.ช.ว่าพร้อมให้ความร่วมมือ และสั่งการให้รองผู้อำนวยการ อคส.และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจัดส่งเอกสารให้ ป.ป.ช.ตามที่ได้ขอมา อย่างไรก็ตามตนเองเพิ่งรับตำแหน่งผู้อำนวยการ อคส.ได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น กรณีที่ ป.ป.ช.ระบุว่าได้ขอข้อมูลมาแล้ว 5 เดือนแต่ อคส.ยังไม่ได้ส่งให้นั้นไม่ได้อยู่ในช่วงที่ตนเองเป็นผู้อำนวยการ อีกทั้งตนเองไม่ได้ดูแลสัญญาขายข้าวจีทูจีในล็อตดังกล่าว
ขณะที่นายยรรยง พวงราช รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมการค้าต่างประเทศ กรมการค้าภายใน และ อคส.ให้ข้อมูลแก่ ป.ป.ช.ตามที่ขอมา และต้องพยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้ ป.ป.ช. และสาธารณชนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม มองว่า กระบวนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ขณะนี้เปิดเผยมากเกินไป อาจทำให้ผู้ถูกสอบเสียหายโดยที่ ป.ป.ช.ยังไม่สรุปว่ามีความผิดจริง และอาจทำให้ผู้ถูกสอบที่เป็นคนไม่สุจริตจะหาวิธีปกป้องตนเอง เพื่อให้รอดพ้นความผิดได้