ทั้งนี้ ตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์ที่เริ่มรุนแรงเกิดขึ้นภายหลังจากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ ได้รับมอบหมายให้เข้ามากำกับดูแลศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) แทนพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ขณะเดียวกันนายสุรพงษ์ ยังได้พูดจาใส่ร้ายกับผู้ชุมนุม ตลอดจนใช้ถ้อยคำในเชิงข่มขู่ทีมแพทย์ และพยาบาลที่เข้ามาดูแลผู้ชุมนุม ซึ่งถือเป็นการละเมิดวิชาชีพของแพทย์และพยาบาล
"ตั้งแต่ 2 ธ.ค.เป็นต้นมา มีการโยนปะทัดยักษ์เข้ามาที่การชุมนุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันที่ 3 ธ.ค.มีการจับกุมชาวเขมร 5 คน ซึ่งสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างให้มาก่อกวน จากนั้น 5 ธ.ค.ก็ยังมีความพยายามใช้รถจักรยานยนต์ก่อกวนผู้ชุมนุม การใช้อาวุธปืนยิงใส่ผู้ชุมนุมที่กระทรวงคลัง ทำให้มีผู้บาดเจ็บ ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแล บช.น.และทำเนียบฯ ก็ใช้กำลังเกินเหตุ ยิงแก๊สน้ำตาใส่ม็อบ รวมทั้งการใช้กระสุนยางและก้อนหิน" โฆษก กปปส.กล่าว
พร้อมระบุว่า สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่ารัฐบาลพยายามสร้างสถานการณ์ให้เกิดความรุนแรงขึ้น เพื่อต้องการยั่วยุให้กลุ่มผู้ชุมนุมใช้กำลังเข้าตอบโต้ โดยหวังจะนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าปราบปรามประชาชน
"ขอย้ำไปยังรัฐบาล และนายกฯ ด้วยว่า วันนี้ประชาชนไม่กลัวอะไรอีกแล้ว และจะไม่หลงกล เราจะชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เราจะไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้การกระทำของคนที่รัฐบาลจ้างมาก่อกวน เราจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไป เพื่อจุดประสงค์สำคัญคือการขจัดระบอบทักษิณ และการปฏิรูปประเทศไทยสู่ระบอบประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์" โฆษก กปปส.กล่าว