เมื่อเวลา 08.40 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ โดยระบุว่า ขณะนี้ได้ทูลเกล้าฯ ร่างพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2526 เพื่อทรงมีพระบรมราชวินิจฉัย ด้วยเหตุผลดังนี้
1.การยุบสภาผู้แทนราษฎรเป็นกระบวนการตามปกติของกระบวนการในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา ซึ่งประเทศไทยได้ยึดถือธรรมเนียมการปฏิบัติดังกล่าวมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับบัญญัติรองรับการยุบสภาฯไว้ และได้มีการยุบสภามาแล้วหลายครั้งในปี 39, 43, ปี 49 และ ปี 54
2.ตามที่รัฐบาลได้เข้ามารับหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค.54 นั้น โดยมีภารกิจสำคัญในการแก้ไขปัญหาประเทศหลายประการ เช่น ปัญหาอุทกภัย ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจที่ผันผวน การฟื้นฟูประชาธิปไตยในประเทศ การพยายามสร้างความปรองดอง ตลอดจนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อให้เกิดความมั่นใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งรัฐบาลได้ดำเนินการอย่างสุดความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนลุล่วงไปด้วยดี
แต่อย่างไรก็ตาม ในประเด็นด้านความขัดแย้งทางการเมืองนั้นยังคงดำรงอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้รัฐบาลพยายามจะสร้างความเข้าใจอย่างไร เช่น การเสนอแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญ การเปิดเวทีปฏิรูปการเมือง หรือกระทั่งล่าสุดการเสนอให้ทำประชามตินั้นก็ยังมีผู้เห็นต่างและคัดค้าน ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมจะรับฟัง หากการคัดค้านนั้นเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
แต่ปรากฎว่ามีจำนวนผู้คัดค้านจำนวนหนึ่ง รวมทั้งสมาชิกฝ่ายค้านเลือกใช้วิถีทางการชุมนุมต่อต้านนอกเวทีรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลได้บริหารการชุมนุมอย่างละมุนละม่อมและด้วยวิธีที่ประนีประนอมอันเป็นการเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานในการแสดงออกทางความคิดเห็นมาโดยตลอด เพื่อรักษาไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย เพราะรัฐบาลไม่ต้องการให้ประเทศ และคนไทยต้องสูญเสียอีก เพราะประเทศไทยเรานั้นเจ็บปวดกันมามากแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากสถานการณ์ในวันนี้รัฐบาลได้คำนึงถึงแนวคิดที่แตกต่างและต่างฝ่ายต่างอ้างว่าเป็นตัวแทนของประชาชนจำนวนมาก ดังนั้นรัฐบาลจึงเห็นว่าภายใต้ระบอบประชาธิปไตย เมื่อถึงจุดที่มีความคิดขัดแย้ง อาจจะนำมาซึ่งความแตกแยกของคนในชาติและมีความรุนแรงจนอาจเกิดความสูญเสียขึ้น การคืนอำนาจให้กับประชาชนเป็นผู้ตัดสินด้วยการยุบสภา และจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่เป็นไปตามวิถีทางแห่งหลักการประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าคนส่วนใหญ่ต้องการแนวทางไหน และจะให้ใครมาบริหารประเทศตามแนวทางนั้น
"รัฐบาลใคร่ขอเชิญชวนให้ทุกกลุ่ม ทุกพรรคการเมืองที่มีความคิดเห็นแตกต่างหลากหลาย ใช้เวทีในการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย เป็นการนำเสนอทางเลือกต่างๆ ให้กับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ"น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
3.เมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรแล้ว รัฐมนตรีทั้งคณะย่อมพ้นจากตำแหน่งไปตามมาตรา 180(2) แต่ต้องอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ซึ่งกำหนดไว้ว่าคณะรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ได้เท่าที่จำเป็นที่กำหนดในมาตราดังกล่าว
4.ขอให้ประชาชนให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะได้หารือกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ถึงการกำหนดวันเลือกตั้งให้เร็วที่สุด
ทั้งนี้ รัฐบาลขอให้ประชาชนได้ทำหน้าที่และใช้สิทธิเลือกตั้งด้วยกันอย่างพร้อมเพรียง ใส่ใจ และรอบคอบ เพื่อให้การเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นไปอย่างสุจริตและเที่ยงธรรมอย่างที่สุด ซึ่งจะเป็นการแสดงออกถึงเจตจำนงค์ทางการเมืองโดยวิถีทางที่สันติ และวิถีทางตามรัฐธรรมนูญ และวิถีทางตามระบอบประชาธิปไตย