เนื่องจากเห็นว่าการเลือกตั้งภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองและสังคมในปัจจุบันยังไม่อาจทำให้ยุติความขัดแย้งได้ ซึ่งเครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชนเห็นว่าการเลือกตั้งโดยไม่มีการปฏิรูปทางการเมืองในประเด็นสำคัญ ๆ ก่อนนั้น ไม่ว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก็จะนำพาประเทศเข้าสู่ความขัดแย้งเช่นเดิม ซึ่งจะกลายเป็นวิกฤติชาติไม่มีที่สิ้นสุด และจะทำให้ประเทศติดอยู่กับวังวนของปัญหา ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหันหน้าเจรจากัน โดยจะต้องแสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ที่จะลดความขัดแย้งลงทันทีและเปิดทางให้ทุกภาคส่วนได้เข้ามามีส่วนในการแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองอย่างจริงจัง โดยไม่ผูกเป็นเงื่อนตายด้วยข้อจำกัดทางการเมืองและข้อกฎหมายทางเทคนิค ตลอดจนร่วมกันฟังความคิดเห็นอย่างเปิดกว้าง
ทั้งนี้ เห็นว่าสังคมไทยมีทางออกจากวิกฤติขณะนี้ได้หลายทาง ซึ่งสามารถนำไปสู่การปฏิรูปประเทศก่อนการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างแท้จริง ทั้งนี้จะต้องสร้างความโปร่งใสในการใช้อำนาจรัฐ สร้างกติกาเข้าสู่อำนาจรัฐที่ทุกฝ่ายยอมรับ และ หยุดการทุจริตคอร์รัปชันและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม
"เครือข่าย 7 องค์กรภาคเอกชนอยู่ในฐานะที่เป็นกลางทางการเมือง ได้มีโอกาสหารือกับนักวิชาการและผู้รู้ตามแนวคิดของฝ่ายต่าง ๆ และได้เคยนำเสนอในแถลงการณ์ฉบับต้น ๆ แล้วว่าแม้ยุบสภาแล้ว การปฏิรูปการเมืองและประเทศก่อนการเลือกตั้งนั้น สามารถทำได้ จึงได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายในภาคการเมืองและประชาชนได้มาหาแนวทางแก้ไขวิกฤติตามกระบวนการที่ยึดและ เคารพในหลักประชาธิปไตยและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ"นายวิชัย กล่าว