สำหรับคดีนี้ นายวสันต์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพร้อมพงศ์ และนายเกียรติ์อุดม เมนะสวัสดิ์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากกรณีวันที่ 8 มิ.ย.53 ซึ่งจำเลยทั้ง 2 ได้กล่าวหาว่าโจทก์ประพฤติตนไม่เหมาะสมไม่น่าเชื่อถือ ขัดต่อจริยธรรมของตุลาการ ขาดความยุติธรรม และขาดความเป็นกลาง โดยให้ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์เข้าพบเป็นการส่วนตัวในระหว่างที่มีการพิจารณาคดียุบพรรคประชาธิปัตย์
โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกคนละ 1 ปี ปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่านายพร้อมพงษ์ จำเลยที่ 1 จบการศึกษาในระดับดุษฎีบัณฑิต เป็นโฆษกพรรคเพื่อไทย และเป็นอาจารญ์สอนพิเศษหลายสถาบัน ส่วนจำเลยที่ 2 เป็น ส.ส. และทั้งคู่เป็นคนที่มีเกียรติ มีสติสัมปชัญญะ สมควรกระทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี แต่กลับใส่ความโจทก์ที่ทำหน้าที่เป็นตุลาการพิจารณาคดีของพรรคประชาธิปัตย์ไม่คำนึงว่าจะส่งผลเสียต่อสถาบันศาล กลับแถลงข่าวให้ข้อความกระจายไปทั่วราชอาณาจักร ทำให้คนจำนวนมากดูหมิ่นดูแคลน ไม่เชื่อถือสถาบันศาล เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญทำหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรมลดความน่าเชื่อถือของศาลอย่างร้ายแรง หากถูกปลุกปั่นจะยิ่งทำให้ประชาชนไม่เคารพกฎหมาย หลังถูกฟ้องก็ไม่สำนึก แม้จะเคยเป็น ส.ส.ไม่เคยต้องโทษมาก่อน แต่ไม่ควรรอการลงโทษ ดังนั้นอุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น ศาลจึงพิพากษาแก้เป็นให้จำคุกจำเลยคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา