"การมารับฟังในวันนี้ถือว่ามีหลายอย่างที่ได้รับความกระจ่างขึ้น และดีใจที่การชุมนุมในครั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง และส่วนตัวคิดว่าองค์กรธุรกิจคงไม่อยากจะแสดงความเห็นมากนัก เพราะถือว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสีย จึงขอเป็นตัวกลางเชื่อมโยงข้อมูลจากส่วนต่างๆ เพื่อนำไปสู่แนวทางที่ทำให้ประเทศมีทางออก ตอนนี้คงต้องฟังเหตุผลจากหลายๆ ฝ่ายก่อน" นายอิสระ กล่าว
สำหรับวันพรุ่งนี้(13 ธ.ค.) 7 องค์กรภาคธุรกิจได้ร่วมกับสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ทำหน้าที่เป็นเวทีกลางครั้งที่ 1 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในการจัดระดมความคิดเห็นจากนักวิชาการและผู้รู้เพื่อร่วมกันเสนอทางออกที่เป็นไปได้ให้กับสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่ความสงบสุขและสันติอย่างยั่งยืน
ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น(ประเทศไทย) กล่าวว่า หลังการหารือในครั้งนี้แล้วมีความเข้าใจที่ดีขึ้น แต่บางเรื่องมองว่ายังไม่มีความชัดเจนนัก เช่น ที่มาของสภาประชาชน ทั้งในส่วนของ 300 คนที่จะเลือกตั้งเข้ามา และอีก 100 คนที่จะแต่งตั้งจาก กปปส. แต่ทั้งนี้ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีและเชื่อว่าหากมีการพบปะหารือกันกันต่อเนื่องในอีกหลายเวทีก็จะได้ความกระจ่างมากขึ้น โดยหลังจากนี้ภาคเอกชนจะนำข้อมูลที่ได้ไปประกอบการตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งคงต้องไปหารือกันในส่วนของภาคเอกชนอีกครั้ง