อีกทั้งเป็นการท้าทายกฎหมายและอำนาจของ กกต. เป็นการกระทำนอกกฎหมาย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวของผู้ชุมนุมไม่ได้เป็นไปตามที่ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเป็นการชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา และอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ แต่สิ่งที่กลุ่มผู้ชุมนุมกระทำในวันนี้ มีทั้งการข่มขืนจิตใจ ยึดเอกสารของผู้สมัครรับเลือกตั้ง ตรวจค้นตัว ซึ่งไม่ได้มีกฎหมายให้อำนาจแก่ผู้ชุมนุมที่จะพึงกระทำได้ อีกทั้งกลุ่มผู้ชุมนุมบางคนยังเป็นนักการเมือง ดังนั้นจึงอยากให้ กกต.เข้าไปตรวจสอบด้วยว่านักการเมืองที่เข้าร่วมเคลื่อนไหวขัดขวางการลงสมัครรับเลือกตั้งนี้เป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่ เนื่องจากจะมีโทษถึงยุบพรรคการเมืองได้
"ประชาธิปไตยในรอบ 80 ปีที่ผานมา ไม่เคยมีการกระทำที่เย้ยกฎหมาย ขอไล่นายสุเทพ กับพวกให้ไปปฏิรูปตัวเองเสียก่อน" โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
พร้อมระบุว่า การกระทำของกลุ่มผู้ชุมนุมพยายามจะปลุกปั่นให้เกิดความรู้สึกเกลียดชัง และถือว่าเป็นการก่อกบฎในแผ่นดินเพื่อมุ่งหวังที่จะเปิดช่องให้นำไปสู่การรัฐประหาร โดยอ้างเรื่องการปฏิรูปประเทศและการเลือกตั้งบังหน้า เหมือนที่สื่อต่างประเทศวิเคราะห์ไว้ โดยมุ่งหวังที่จะฉีกรัฐธรรมนูญ เป็นการทำลายประชาธิปไตย เนื่องจากรู้ดีว่าลงเลือกตั้งก็แพ้แน่นอน
นายพร้อมพงศ์ มองว่า หากนายสุเทพ มีความเชื่อมั่นในมวลมหาประชาชนอย่างแท้จริง ก็ควรที่จะกลับไปสู่การเลือกตั้งแล้วให้มวลมหาประชาชนที่ให้การสนับสนุนนายสุเทพ ได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งสิ่งที่นายสุเทพ พร้อมพวกได้กระทำอยู่นั้นเป็นการสร้างระบอบอนาธิปไตยขึ้นในบ้านเมือง
โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังเรียกร้องให้ กกต.ขอความร่วมมือไปยังทหารให้เข้ามาช่วยควบคุมดูแลการเลือกตั้งมากกว่านี้ เพื่อสร้างความมั่นใจว่า กกต.จะสามารถจัดการเลือกตั้งได้อย่างราบรื่น
สำหรับการคุกคามสื่ออย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่มีการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.นั้น นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า เป็นการกระทำที่เรียกได้ว่าป่าเถื่อน และแม้การใช้ชีวิตสัญจรไปมาตามปกติของประชาชนทั่วไปยังถูกกลุ่ม กปปส.เรียกค้นตัว ซึ่งถือเป็นการกระทำของผู้ที่อยู่นอกกฎหมายอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่การเข้าไปคุกคามกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)นั้น ก็ถือว่าเป็นการคุกคามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากดีเอสไอเป็นหน่วยงานต้นทางของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการลุแก่อำนาจ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยส่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ อันดับ 1 ของพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นความเห็นจากมติของกรรมการบริหารพรรคแล้ว ในทางกลับกันหากพรรคประชาธิปัตย์ไม่บอยคอทการเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องส่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 เช่นกัน ซึ่งสิ่งที่โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ออกมาพูดนั้นเป็นการกล่าวหาและโยนบาปให้แก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการอยู่ในขณะนี้เป็นความเคลื่อนไหวที่สอดคล้องกับแนวทางของ กปปส. อย่างไรก็ดี คิดว่าเมื่อมีผู้สมัครรับเลือกตั้งถึง 34 พรรค ก็เชื่อว่าจะทำให้การเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ.57 สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่มีปัญหา