กรณีดังกล่าวศาลฎีกาฯ ให้ฝ่ายโจทก์และฝ่ายจำเลยตรวจสอบพยานหลักฐาน โดยอยู่ในความดูแลของเลขานุการองค์คณะผู้พิพากษาและเลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกา ซึ่งหากคู่ความประสงค์โต้แย้งพยานหลักฐานใดก็ให้แถลงประเด็นและข้อเท็จจริงเพื่อให้องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาดำเนินการไต่สวนพยานหลักฐานนั้นต่อไป โดยให้ยื่นคำแถลงภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2557
คู่ความทั้งสองฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนในประเด็นจำเลยมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตหรือไม่ และประเด็นจำเลยมีเจตนาปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือไม่ ซึ่งคู่ความทั้งสองฝ่ายจะนำพยานเข้าไต่สวนเฉพาะประเด็นข้อเท็จจริง โดยทนายโจทก์แถลงติดใจสืบพยาน 14 ปาก ขณะที่ทนายจำเลยแถลงติดใจสืบพยาน 36 ปาก ส่วนรายละเอียดว่าจะไต่สวนพยานแต่ละรายในประเด็นใดนั้นยังกำหนดไม่แล้วเสร็จ