และชี้มูลความผิดทางอาญาฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสาร กรอกข้อความลงเอกสารหรือดูแลรักษาเอกสาร กระทำการปลอมแปลงเอกสารโดยอาศัยโอกาสที่มีหน้าที่นั้น และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ทำเอกสาร รับเอกสาร หรือกรอกข้อความลงในเอกสาร รับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นหรือว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตน อันเป็นความเท็จ และรับรองเป็นหลักฐานซึ่งข้อเท็จจริงอันเอกสารนั้นมุ่งพิสูจน์ความจริงอันเป็นความเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157, 161 และ 162 (1) (4)
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังชี้มูลความผิดทางวินัยและอาญาบุคคลอื่น ได้แก่ นายสำราญ ตันเรืองศรี ผู้อำนวยการฯ ส่วนกำนันและผู้ใหญ่บ้าน มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 162 (1) (4) นายครรชิต สลับแสง เลขานุการกรม มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรงและมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ประกอบมาตรา 86 และผู้เข้าสอบและผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมหลักสูตรนายอำเภอรุ่นที่ 68 รุ่นที่ 69 และรุ่นที่ 70 จำนวน 119 คน มีมูลความผิดวินัยอย่างร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 161 และ 162 (1) (4) ประกอบมาตรา 86
ส่วนวุฒิชัย เสาวโกมุท และผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นข้าราชการผู้ได้รับคัดเลือกเข้ารับการอบรมหลักสูตรนายอำเภออีก 20 คน ได้ให้ถ้อยคำที่เป็นประโยชน์ต่อการไต่สวน จึงมีมติเสียงข้างมากให้กันไว้เป็นพยานโดยไม่ชี้มูลความผิดทั้งทางวินัยและอาญาตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. 2542 มาตรา 103/16
โฆษกคณะกรรมการ ป.ป.ช.กล่าวว่า ระหว่างไต่สวนมีผู้ถูกกล่าวหาที่เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกอีก 2 คนได้ถึงแก่กรรมจึงยุติการชี้มูลความผิดทั้งทางอาญาและทางวินัย
ทั้งนี้ ป.ป.ช.จะส่งผลสอบให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการทางวินัย และให้อัยการสูงสุด(อสส.) ดำเนินคดีอาญาต่อไป
ส่วนกรณีที่การกล่าวหานายชวรัตน์ ชาญวีรกูล อดีต รมว.มหาดไทย และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ประธานคณะทำงานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย นั้นไม่มีพยานหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงจึงให้ข้อกล่าวหาตกไป