แต่จากผลการชุมนุมที่ผ่านมาซึ่งได้เห็นเป็นที่ประจักษ์แล้วว่า กลุ่มผู้ชุมนุมกระทำการอันเป็นการละเมิดกฎหมายหลายมาตรา ต่างกรรมต่างวาระ อาทิ การเข้ายึดสถานที่และทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ลักทรัพย์ พกพาอาวุธโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงมีพฤติกรรมที่ก้าวร้าว และสร้างความปั่นป่วนขึ้นในสังคม เช่น การทำร้ายร่างกาย และเจตนาฆ่าผู้อื่นจนมีผู้เสียชีวิต การกระทำที่ละเมิดและลิดรอนสิทธิเสรีภาพต่อผู้อื่นด้วยการเข้าขัดขวางการรับสมัครเลือกตั้ง การห้ามผู้อื่นเข้าสมัครรับเลือกตั้ง กักขัง หน่วงเหนี่ยวเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ ท้าทาย ยั่วยุ ดูหมิ่นเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และทำร้ายเจ้าหน้าที่ด้วยอาวุธ จนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ อีกทั้งมีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมไว้ได้ขณะที่กำลังขนยาเสพติดเพื่อจำหน่าย
ทั้งหมดนี้ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็นการชุมนุมโดยสงบและสันติ ปราศจากอาวุธ แต่เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพโดยปราศจากขอบเขต ฝ่าฝืนต่อกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่มีอัตราโทษสูง ก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินมากมาย ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้เรียกร้องให้หยุดการกระทำดังกล่าวแล้ว แต่ตัวการและผู้สนับสนุนมิได้ปฏิบัติตามแต่อย่างใด จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ร้องขอต่อศาลเพื่อออกหมายจับ และขณะนี้ได้มีหมายจับแกนนำบางคนเรียบร้อยแล้ว ดังนั้น นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และแกนนำทุกคนที่มีพฤติกรรม ยั่วยุ ปลุกปั่น ปลุกระดมและสั่งการให้มีผู้กระทำความผิดดังกล่าวจึงถือได้ว่าเป็นตัวการที่ต้องรับผิดชอบในการกระทำเหล่านี้ทั้งสิ้น จะต้องได้รับโทษตามกฎหมายต่อไป
จึงขอฝากไปยังพี่น้องประชาชนให้ทราบและขอยืนยันว่า การเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่ต้องมีขอบเขตตามกฎหมาย ไม่ไปละเมิดสิทธิของผู้อื่น หากการชุมนุมมีการฝ่าฝืนกฎหมาย และมีการใช้ความรุนแรงอย่างที่เกิดขึ้นในขณะนี้แล้วนั้นก็ถือว่าท่านเป็นผู้ร่วมกระทำผิดต่อกฎหมาย และสนับสนุนให้มีการกระทำผิดต่อกฎหมาย หรือเป็นผู้ร่วมกระทำผิด เป็นตัวการร่วม ซึ่งมีโทษทางกฎหมายเช่นเดียวกับตัวการ
"รัฐบาลมีหน้าที่รักษากฎหมาย รักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง และประชาชนเป็นสำคัญ จึงขอความร่วมมือจากพี่น้องทุก ๆ คนในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองด้วย"นายพีรพันธุ์ กล่าว