คดีนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องมีพฤติกรรมมิชอบ เอื้อประโยชน์ให้ธุรกิจครอบครัว และพวกพ้อง และทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ ใน 5 คดี คือ การจัดซื้อจัดจ้างที่ดินรัชดาฯ คดีการจัดซื้อกล้ายางพารา คดีจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 และระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าในสนามบินสุวรรณภูมิ การออกสลากเลขท้ายพิเศษ 2 ตัว 3 ตัว การให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทยปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำให้พม่า รวมถึงการทุจริตในเชิงนโยบาย
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าข้อมูลที่ คตส.แถลงข่าว เป็นไปตามขัอเท็จจริง หาได้ว่ามีข้อใดที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง การแถลงข่าวจึงไม่ได้เป็นการละเมิดต่อผู้ร้องในคดี ศาลจึงไม่มีอำนาจให้ผู้ถูกร้องชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 50,000 ล้านบาท ตามคำร้องของผู้ร้อง อีกทั้ง คตส.มีอำนาจในการตรวจสอบตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2549 ศาลจึงพิจารณายกฟัอง และไม่มีความจำเป็นต้องพิจารณาในประเด็นอื่นต่อไป
วันนี้ ฝ่ายผู้ร้องมีนายอภิศักดิ์ อาภัสสมภพ ทนายความ ผู้มอบอำนาจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มาฟังคำตัดสิน ขณะที่ผู้ถูกร้องก็ได้ส่งตัวแทนมาฟังคำตัดสินแทนเช่นกัน และภายหลังฟังคำสั่งศาล นายอภิศักดิ์ ทนายความของ พ.ต.ท.ทักษิณ จะหารือฝ่านกฎหมาย เพื่อยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดต่อไป