วานนี้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้หารือร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นจากการชุมนุมทางการเมืองในช่วงต่อจากนี้ เพื่อขอให้ฝ่ายทหารเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารสถานการณ์ที่เข้มข้นขึ้น แต่ทางฝ่ายทหารขอเวลาในการประเมินสถานการณ์ให้รอบคอบก่อนในทุกระดับ คาดว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1-2 วันนี้
อย่างไรก็ตาม สมช.มองว่าสถานการณ์ชัดดาวน์กรุงเทพเป็นการยกระดับสู่การใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินฯ แล้ว เพื่อเป็นกติกาที่จะเข้าไประงับยับยั้งและบรรเทาสถานการณ์ที่กฎหมายธรรมดาทำงานได้ไม่เพียงพอ เนื่องจากความเข้มข้นของสถานการณ์เป็นเรื่องที่จะต้องระวัง หากผู้ชุมนุมดำเนินการตามที่กำหนดไว้ก็จะส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตต่อประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้อง ถ้าเราบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นทันต่อสถานการณ์ก็คงจะไม่ไปถึงจุดที่เกิดการปะทะกัน
นอกจากนั้น การที่แกนนำออกมาสื่อสารทำนองว่ามีความพยายามจะควบคุมตัวนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคนสำคัญ ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งบุคคลสำคัญเหล่านี้มีชุดรักษาความปอลดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเสริม จึงเป็นจุดที่ต้องระวังเหตุการณ์ปะทะกันของมวลชนและเจ้าหน้าที่
พล.ท.ภราดร เชื่อมั่นว่า หากการประเมินสถานการณ์พบว่ามีความจำเป็นต้องเพิ่มความเข้มข้นก็เชื่อว่าประเทศไทยอยู่ในกรอบการปกครองประชาธิปไตยจะต้องบริหารสถานการณ์เข้ามาอยู่ในครรลองตามกฎหมายให้ได้ เชื่อว่าทหารยังยึดหลักกฎหมายเป็นหลักตามครรลองของกฎหมาย โดยเชื่อในความมีวินัยของฝ่ายทหารว่าหากเป็นคำสั่งที่ชอบธรรมด้วยกฎหมายก็จะปฏิบัติตามอย่างแน่นอน
รายงานข่าว เปิดเผยว่า เช้าวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้าร่วมประชุมศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นนัดแรกของปี 57 คาดจะมีการหารือถึงสถานการณ์การชุมนุมของ กปปส.ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้าต่อเนื่องถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 13 ม.ค.