ทั้งนี้ รมว.มหาดไทยอาศัยอำนาจตามมาตรา 123 ประกอบมาตรา 89 (1) (4) และ (8) พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ.2528 แจ้งซักซ้อมให้กรุงเทพมหานครพิจารณาดำเนินการ 4 ข้อ คือ 1.การปฏิบัติต่อกลุ่มมวลชนที่เข้ามาประท้วงในกรุงเทพฯ ขอให้ กทม.ปฏิบัติให้อยู่ภายใต้กรอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายของ กทม.และให้สนับสนุนการปฏิบัติงานของศูนย์อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (ศอ.รส.) และเจ้าหน้าที่ของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ ที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงฯ ซึ่งได้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย พร้อมทั้งให้สนับสนุนสถานที่ยานพาหนะ วัสดุ ครุภัณฑ์ อุปกรณ์และสาธารณูปโภคทุกประเภท ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และขอให้วางตัวเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามกฎหมายด้วย
2.ให้ กทม.ดำเนินการสำรวจและตรวจสอบกล้องทีวีวงจรปิดที่ กทม.ติดตั้งไว้ทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้การบันทึกภาพได้ตามปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตพื้นที่ที่มีการชุมนุมและพื้นที่ที่กลุ่มมวลชนใช้เป็นเส้นทางในการเคลื่อนกำลังคน และในสถานที่สำคัญทางราชการ เช่น พระบรมมหาราชวัง เขตพระราชฐาน รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล เป็นต้น หากมีกรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐในการรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนต้องการตรวจสอบการบันทึกภาพจากกล้องทีวีวงจรปิด ให้ กทม.ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ดังกล่าวด้วย
3.ในการปฏิบัติหน้าที่ตามข้อ 1 และข้อ 2 ข้างต้น โดยเฉพาะในส่วนที่ผู้ชุมนุมได้ประกาศปิดเส้นทางการจราจร ซึ่งจะก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียงในการใช้เส้นทางคมนาคม ขอให้ กทม.จัดเตรียมแผนดำเนินการด้านการจราจรและการขนส่ง เพื่อรองรับการปิดเส้นทางการจราจรของผู้ชุมนุม โดยร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในพื้นที่กรุงเทพฯ และขอให้ กทม.จัดเจ้าหน้าที่กรุงเทพฯ ให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับเจ้าพนักงานตำรวจจราจรเมื่อมีการร้องขอ ทั้งนี้ ให้ประสานการปฏิบัติดังกล่าวกับศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย
และ 4.ผลการประสานการปฏิบัติตามข้อ 3 เป็นประการใด ให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบเป็นระยะจนกว่าสถานการณ์การชุมนุมจะกลับสู่ภาวะปกติ
รมว.มหาดไทย กล่าวว่า เชื่อว่าผู้ว่าฯฯ กทม.จะปฏิบัติตามกฎหมายและให้ความร่วมมือเต็มความสามารถ เพราะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย