"ในวันที่ 4 ม.ค.จะถือเป็นวันเริ่มคิกออฟหาเสียง โดยพรรคเพื่อไทยจะเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ใน 5 จังหวัด คือ กทม.ที่ลานเอนกประสงค์ เมืองทองธานี จ.เชียงใหม่ ที่ลานจอดรถศูนย์ประชุมนานาชาติ จ.นครสวรรค์ ที่ลาน รร.อนุบาลลาดยาว จ.ขอนแก่น ที่ศาลากลางจังหวัด และ จ.อุบลราชธานี ที่ลานหน้าห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี"
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยได้เริ่มจัดทำป้ายหาเสียงแล้ว โดยแบ่งเป็น 3 รูปแบบ คือ 1.ยึดมั่นกติกา รักษาประชาธิปไตย เคารพการตัดสินใจของประชาชน ส่วนอีก 2 รูปแบบ เป็นป้ายที่ระบุถึงนโยบาย คือ การปฏิรูปประเทศไทย มุ่งขจัดภัยคอร์รัปชัน และ ขอโอกาสพรรคเพื่อไทยเดินหน้าสานต่อนโยบายให้สำเร็จ
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ทางพรรคได้เริ่มตั้งศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง มีตนเป็น ผอ.และมีนายจารุพงศ์ เป็นประธานศูนย์ โดยทางศูนย์แบ่งเป็น 7 ส่วนงาน ประกอบด้วย สำนักงานอำนวยการเลือกตั้ง มีนายภูมิธรรม และนายสาโรจน์ หงส์ชูเวท เป็นผู้ดูแล ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มีนายนพดล ปัทมะ นายพิชัย นริพทะพันธุ์ นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ เป็นผู้แล ฝ่ายวิชาการ มีนายจาตุรนต์ ฉายแสง และนายคณวัฒน์ วศินสังวร เป็นผู้ดูแล ฝ่ายบริหารคะแนนนิยม มีนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ นายวราเทพ รัตนากร และนายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นผู้ดูแล ฝ่ายกฎหมาย มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล และนายพิชิต ชื่นบาน เป็นผู้ดูแล ฝ่ายปราศรัยมีนายอดิศร เพียงเกษ และนายสาโรจน์ เป็นผู้ดูแล และฝ่ายกิจการพิเศษ มี พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และ พล.ต.ท.ฉลอง เรี่ยวแรง เป็นผู้ดูแล
ส่วนสถานการณ์ที่หลายเขตยังไม่มีผู้สมัครลงเลือกตั้งนั้น นายสมพงษ์ กล่าวว่า เป็นความรับผิดชอบของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทางพรรคไม่สามารถก้าวก่ายความรับผิดชอบของ กกต.ได้ ส่วนแผนการหาเสียงในพื้นที่ กทม.และภาคใต้ นั้น ตนไม่ได้หวั่นเกรงในพื้นที่การหาเสียง อย่างไรก็ตามคงไม่ไปหาเสียงในพื้นที่การชุมนุม อย่างราชดำเนินเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า แต่จะไปในพื้นที่ที่สามารถไปได้ คาดว่าคงไม่เกิดอันตรายต่อผู้สมัคร
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคใต้ ทราบว่าประชาชนส่วนใหญ่อยากใช้สิทธิเลือกตั้ง เชื่อว่าคงไม่มีปัญหา เพราะมีเพียงมวลชนบางส่วนที่สนับสนุน กปปส.และพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทางพรรคยืนยันจะเดินหน้าหาเสียงอย่างสร้างสรรค์
พร้อมระบุว่า ไม่เห็นด้วยต่อกรณีที่ กกต.ขอพบพรรค ปชป.และพรรคเพื่อไทย เนื่องจากมองว่ากกต.มีนัยต้องการดึงเกมหรือไม่ เพราะการเชิญ 2 พรรคใหญ่ อีกทั้งพรรค ปชป.ตัดสินใจบอยคอตการเลือกตั้งนั้นเท่ากับละเลยอีก 52 พรรคที่สมัครลงเลือกตั้ง ทั้งที่มีสิทธิเท่าเทียมกัน ดังนั้นจึงอยากเสนอให้ กกต.เรียกทั้ง 53 พรรคมาพูดคุยเพื่อหาทางออก