กลับกันหากเราไม่เห็นด้วยกับวิธีการนี้ก็จะทำให้ประเทศไม่มีทางออก เพราะลำพังปัจจุบัน รัฐบาลหลังยุบสภาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้มากนัก การใช้จ่ายภาครัฐที่จะเป็นการช่วยขับเคลื่อนจีดีพีและเศรษฐกิจภายในประเทศก็ไม่สามารถทำได้ และยิ่งส่งผลกระทบกับการลงทุนในอนาคตของภาคเอกชนอีกด้วย ซึ่งวันนี้ก็จะเห็นได้ชัดแล้วว่านักท่องเที่ยวได้ยกเลิกเที่ยวบินมาประเทศไทยและมีหลายประเทศประกาศเตือนการมาประเทศไทยแล้ว ซึ่งล้วนไม่เป็นผลดีทั้งสิ้น
"ดิฉันจึงอยากขอวิงวอนให้เราช่วยกันอดทนอดกลั้นและให้เวลาในการแก้ปัญหาดีกว่า เพราะการเลือกตั้งคือวิธีการที่จะให้ประชาชนได้ไปใช้สิทธิของท่านตามระบอบประชาธิปไตย เพราะที่เป็นอยู่ในปัจจุบันไม่สามารถที่จะปฏิบัติได้ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ หากท่านไม่อยากให้รัฐบาลกลับมา ก็ต้องต่อสู้ผ่านการเลือกตั้ง และเปลี่ยนการชุมนุมมาเป็นพลังในการตรวจสอบเป็นหูเป็นตา ใช้เวทีปฏิรูปเพื่อแก้ไขในสิ่งที่ท่านเห็นว่าควรปฏิรูปประเทศในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเลือกตั้งให้โปร่งใส ไม่ซื้อสิทธิขายเสียง การแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยการแก้กฎหมายที่ต้องใช้รัฐบาลและรัฐสภาในการขับเคลื่อนทั้งสิ้น ซึ่งดิฉันยินดีสนับสนุนและร่วมมืออย่างเต็มที่"
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุด้วยว่าไม่อยากจะเห็นภาพเหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนปี 2553 หรือภาพเศรษฐกิจที่ตกต่ำมีหนี้สินท่วมตัว ปัญหาอาชญกรรม ยาเสพติดสูง เพราะคนตกงาน ภาคธุรกิจปิดกิจการขายทอดตลาดต่างชาติย้ายฐานการผลิตซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดให้กับพวกเราทุกคน
"เรามาร่วมกันหันหน้ามาคุยกัน ต่างความคิดแต่ไม่จำเป็นต้องแตกแยก อย่าให้ความขัดแย้งนี้ตกทอดไปยังรุ่นลูกของเราอีกเลย มาเปลี่ยนความเห็นต่างให้เป็นพลังที่จะแก้ไขปัญหา เพื่อหาทางออกของประเทศร่วมกันเถอะ"