ทั้งนี้ ทางชมรมนักธุรกิจฯ จะรวมตัวจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ เป่านกหวีดที่บริเวณแยกอโศก ในวันที่ 8 ม.ค.และวันที่ 10 มกราคม จะจัดที่ถนนเยาวราช
เบื้องต้น ทางชมรมฯ ขอเสนอแนวทางการปฏิรูปด้านการเมืองในบางประเด็น ดังต่อไปนี้
1.การเปิดเผยงบประมาณที่จะต้องใช้รองรับนโยบายต่างๆ เพื่อควบคุมกำหับไม่ให้พรรคการเมืองหาเสียงโดยไม่รับผิดชอบต่อการสร้างภาระหนี้ให้กับประชาชนและลูกหลาน พรรคการเมืองจะต้องนำเสนอภาระหนี้จากการขาดดุลงบประมาณจากโครงการต่างๆ รวมกัน และระบุในการหาเสียงด้วย โดยรัฐบาลจะไม่สามารถก่อหนี้ได้เกินกว่าที่ได้เปิดเผยไว้ตอนหาเสียง
2. โครงสร้างการบริหารราชการแผ่นดินให้มีกากรระจายอำนาจโดยการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและมีการแบ่งสรรงบประมาณให้เป็นอำนาจของจังหวัด เพื่อให้เกิดควาเมป็นธรรมในการกระจายสิทธิและกระจายอำนาจสำหรับจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยอาจกำหนดให้แต่ละจังหวะมีอำนาจการจัดารงบประมาณจากส่วนหนึ่งของภาษีต่างๆที่เก็บได้ในจังหวัดนั้น และอีกส่วนมาจากบางส่วนของภาษีส่วนหลางแบ่งสรรตามจำนวนประชากรในแต่ละจังหวัด
3.กระบวนการยุติธรรมและการป้องกันการทุจริตเพื่อแก้ไขการทำผิดกฎหมายโดยใช้ตัวแทนเชิดหรือ นอมินี เพื่อกระทำการทุจริตและการทำผิดกฎหมาย ดังจะเห็นได้จากที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายต่อประทเศชาติอย่างมากมายหลายกรณี โดยการใช้ตัวแทนเชิดหรือนอมินีในการกระทำแทน เช่น การซุกหุ้น การบริหารราชการผ่านผู้นำหุ่นเชิด กระบวนการทุจริตจำนำข้าว การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมเพื่อครอบครัวเป็นต้น
เช่นเดียวกับหลักการบริหารกิจการเอกชน คณะกรรมการควรบริหารกิจการเพื่อประโยชน์โดยรวมของกิจการสำหรับทุกคน ไม่ควรเป็นการทำรายการเพื่อประโยชน์ผู้ถือหุ้นใหญ่เพียงบางรายที่เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการ โดยเป็นภาระของนักลงทุนรายย่อย โดยทั่วไปจึงต้องมีกรรมการอิสระ ผู้ทำหน้าที่ทัดทานในการปกป้องดูแลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นส่วนน้อยให้มีความเป็นธรรมกับนักลงทุนมหาชน
ในทางการบริหารราชการแผ่นดิน สภาผู้แทนราษฎรพึงทำหน้าที่เพื่อประชาชนโดยส่วนรวม ไม่ควรมีรายการใดที่ส.ส.แม้จะเป็นเสียงส่วนใหญ่ในสภาฯ ออกกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มหนึ่งกลุ่มใด โดยเฉพาะที่มีความเกี่ยวโยงกัน หรือมีอิทธิพลต่อกัน โดยเป็นภาระของประชาชนส่วนรวม ดังกรณีการรวบรัดออกพ.ร.บ.นิรโทษฯเวลาตีสี่ครึ่งและปิดโอกาสไม่ให้ส.ส.เสียงส่วนน้อยอภิปราย จึงต้องเปิดให้ส.ส.เสียงส่วนน้อยได้ทำหน้าที่ช่วยทัดทาน เพื่อปกป้องประโยชน์ของประชาชนทั่วไปอย่างมีดุลยภาพ และเปิดเผยผ่านสื่อโทรทัศน์ของรัฐเพื่อให้ประชาชนได้ติดตามโดยทั่วกัน