คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พล.อ.ธรรมรักษ์กับพวก รวม 5 คน เป็นจำเลยในความผิดฐานกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ จากกรณีที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ จ้างวานพรรคการเมืองขนาดเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้งเมื่อปี 2549 โดยให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ดำเนินการตัดต่อเปลี่ยนแปลงข้อมูลสมาชิกพรรคพัฒนาชาติไทยซึ่งไม่มีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากเป็นสมาชิกพรรคไม่ครบ 90 วันตามที่กฎหมายกำหนดให้สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.49 แข่งกับผู้สมัครพรรคไทยรักไทยได้ เพื่อเลี่ยงเงื่อนไขหากไม่มีคู่แข่งต้องได้รับเลือกตั้ง 20% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งในเขตนั้น
โดยศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า ยังไม่มีประจักษ์พยานเบิกความยืนยันว่า พล.อ.ธรรมรักษ์ จำเลยที่ 1 นั้นเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดดังกล่าวจึงพิพากษากลับให้ยกฟ้อง ส่วนนายอมรวิทย์ สุวรรณผา จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.ให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษจำคุกเหลือ 3 ปี 4 เดือน ขณะที่นายชวการ โตสวัสดิ์ จำเลยที่ 3, นายสุขสันต์ หรือจตุชัย ชัยเทศ จำเลยที่ 4 และนายบุญทวีศักดิ์ อมรสินธุ์ สั่งลงโทษจำคุกคนละ 2 ปี
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 30 พ.ค.55 ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุก พล.อ.ธรรมรักษ์ เป็นเวลา 3 ปี 4 เดือน ในความผิดฐานว่าจ้างเจ้าหน้าที่ กกต.ให้ดำเนินการแก้ไขข้อมูลการเป็นสมาชิกของพรรคการเมืองขนาดเล็กเพื่อให้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 2 เม.ย.49 ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 5 ปี และจำเลยที่ 3, 4, 5 จำคุก 3 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญา