"นายกฯมีความเป็นห่วงและอยากให้หาทางออกร่วมกันโดยสันติและใช้เวทีปฏิรูปประเทศ ซึ่งไม่ว่าใครจะเป็นตัวกลางนายกฯก็พร้อมจะพูดคุยในเนื้อหาทุกเรื่อง...เราคงบังคับใจใครไม่ได้ แต่อยากให้คิดถึงประเทศชาติเป็นหลัก ไม่มีใครอยากเห็นการเสียเลือดเนื้อ หากเรามาหาทางออกด้วยการเจรจาด้วยกันบนโต๊ะน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด"นายสุรนันท์ กล่าว
นายสุรนันท์ กล่าวว่า รัฐบาลอยากเห็นภาคธุรกิจเอกชน เป็นตัวกลางในการจัดเวทีเจรจาหาทางออกและกำหนดแนวทางในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งในส่วนของรัฐบาลพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกให้และหวังว่าแกนนำการชุมนุมของกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) จะใช้เวทีนี้เป็นการหาทางออกให้ประเทศมากกว่าการเผชิญหน้าบนท้องถนน
สำหรับการชุมนุมของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 13 ม.ค.นั้น รัฐบาลเชื่อว่าหากการชุมนุมเป็นไปตามที่แกนนำกล่าวคือเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ก็ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะต้องเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายด้วยการออกพ.ร.ก.การบริหารราชการภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินโดยเชื่อว่ากำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร รวมถึงพลเรือนที่ดูแลความเรียบร้อยอยู่ในขณะนี้น่าจะเพียงพอแล้ว พร้อมกันนี้ นายสุรนันท์ ยังปฏิเสธกรณีมีกระแสข่าวว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนตัวผู้กำกับดูแล ศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) จากนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.การต่างประเทศ โดยยืนยันว่านายสุรพงษ์ยังคงกำกับดูแล ศอ.รส.ในภาพรวมตามเดิม