ส่วนขั้นตอนปฏิรูปหลังจากมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในวันที่ 10 ม.ค.แล้วจะเดินหน้าไปอย่างไร ประเด็นที่จะปฏิรูปจะเป็นเรื่องใดบ้างนั้นคงจะมีขึ้นหลังจากมีกลไกการปฏิรูปแล้ว ซึ่งขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดที่เข้าใจว่า หลายฝ่ายกำลังขับเคลื่อนอยู่คือกลไกปฏิรูปว่าจะเป็นอย่างไร จากนั้นต้องเป็นสภาปฏิรูปที่จะขับเคลื่อนอย่างไร ที่ผ่านมาเรามีการพยายามจะปฏิรูปหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การทุจริตคอร์รัปชั่น ซึ่งทำมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ที่เริ่มตั้ง ป.ป.ช.ขึ้นมา รวมทั้งเรื่องการกระจายอำนาจและการศึกษา
"กระบวนการของการปฏิรูปไม่ใช่กระบวนการที่จะเนรมิตได้แน่นอน ต้องมีส่วนร่วมจากภาคประชาชนอย่างกว้างขวาง จึงจะเป็นประโยชน์กับประชาชนส่วนใหญ่ มิฉะนั้นแล้วก็จะเกิดการไม่ยอมรับอีก การปฏิรูปต้องใช้เวลาพอสมควร โดยหัวใจนั้นอยู่ที่การมีส่วนร่วมของภาคส่วนต่างๆ อย่างกว้างขวาง ถ้าใจร้อนไป เราก็จะไม่ได้การปฏิรูปที่เป็นประโยชน์ของคนส่วนใหญ่" นายพงศ์เทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่แต่ละฝ่ายยังมีความเห็นที่แตกต่างกัน เช่น ในภาคส่วนที่จะเข้าร่วมสภาปฏิรูปนั้นจะมาอย่างไร จำนวนเท่าไร และจะมีกลไกอย่างไรในการกำหนดจำนวน รวมถึงมีตัวแทนมาอย่างไร อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะไม่เสนออะไรที่เป็นแนวการปฏิรูปฯ เพียงแต่พร้อมที่จะเป็นผู้อำนวยความสะดวกให้เท่านั้น
สำหรับการเดินสายพบสื่อมวลชนของรัฐบาลนั้น นายพงศ์เทพ กล่าวว่า สื่อทั้งหลายเข้าใจดี หลังจากได้รับฟังกระบวนการปฏิรูปว่า ต้องทำอะไรบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือแก้ไขกฎหมาย ก็เข้าใจว่า ถ้าไม่มีสภาผู้แทนราษฎร การแก้ไขหรือออก พ.ร.บ.ใหม่นั้นทำไม่ได้ การที่นายกฯ เดินสายพบสื่อมวลชนนั้นเพื่อให้ไปขยายผลต่อว่าจากโมเดลการปฏิรูปฯ นั้นประชาชนคิดเห็นอย่างไร เพื่อจะได้ความเห็นส่วนใหญ่ และเดินหน้าต่อไปได้