โดยในประเด็นเรื่องกระบวนการตรากฎหมายนั้น ศาลจะไต่สวนเฉพาะเรื่องการเสียบบัตรแทนกันในการลงมติในร่าง พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ วงเงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งศาลได้ขอให้ น.ส.รังสิมา รอดรัศมี อดีต ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้ให้ข้อมูลโดยมีเจ้าหน้าที่ของศาลเปิดคลิปไปพร้อมๆ กับการรับฟังข้อมูลจาก น.ส.รังสิมา
หลังจากนั้นศาลได้ให้นายนริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่เป็นผู้เสียบบัตรแทนผู้อื่นนั้นให้ข้อมูล โดยนายนริศร ยอมรับว่าบุคคลในคลิปเป็นตัวเองจริง แต่ไม่ยอมรับว่าได้เสียบบัตรแทนส.ส.คนอื่น และระบุว่าการเสียบบัตรหลายครั้งเป็นพฤติกรรมส่วนตัว และเนื่องจากมีทั้งบัตรจริงและบัตรสำรองจึงทำให้ดูเหมือนว่าตนได้เสียบบัตรหลายใบ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิป้ตย์ ได้ให้ข้อมูลต่อศาลว่า ในกรณีการเสียบบัตรนั้น ไม่ว่าจะเป็นบัตรจริงหรือบัตรสำรองก็สามารถเสียบบัตรลงคะแนนได้เพียงครั้งเดียว เพราะเคยมีการทดสอบแล้วว่าหากมีการลงคะแนนด้วยการเสียบบัตรจริงแล้ว จะทำให้บัตรสำรองไม่สามารถใช้ได้ แต่ในภาพที่ปรากฎจากคลิปจะเห็นว่านายนริศร ไม่ได้เสียบบัตรจริงและบัตรสำรองตามที่ให้ข้อมูลจากศาล แต่กลับเป็นการเสียบบัตรแทนส.ส.คนอื่น ซึ่งไม่ใช่การเสียบบัตรของตัวเองทั้งบัตรจริง และบัตรสำรองตามที่ได้ให้ข้อมูลต่อศาล
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่าการไต่สวนในกระบวนการตรากฎหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ได้สั่งพักการไต่สวนไว้และจะกลับมาเริ่มการไต่สวนอีกครั้งในเวลา 13.30 น. โดยจะไต่สวนในส่วนของเนื้อหา พ.ร.บ.ดังกล่าวว่าขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญหรือไม่