โดยศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบตามกฎหมายและตามแนวทางที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ โดยเห็นว่ากระบวนการพิจารณากฎหมายดังกล่าวเป็นการตัดสิทธิ์ ส.ส.เสียงข้างน้อยไม่ให้อภิปรายแสดงความคิดเห็น เนื่องจากกรณีนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ควรจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ แต่การอ้างที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงเพื่ออำนวยความสะดวกให้ฝ่ายบริหารโดยไม่รับฟังเสียงทักท้วง กลายเป็นเผด็จการเสียงข้างมากหรือเผด็จการรัฐสภา เป็นการใช้อำนาจโดยอำเภอใจ ทำลายระบบการถ่วงดุลย์ตรวจสอบ ซึ่งจะทำให้ประเทศชาติเสียหาย เกิดความบาดหมางในสังคม เพราะการใช้อำนาจจะต้องเป็นไปตามหลักนิติธรรมควบคู่ไปด้วย ไม่ใช่อ้างเสียงข้างมากที่มาจากการเลือกตั้งเพียงอย่างเดียว หรือใช้อำนาจโดยทุจริตฉ้อฉลไม่ได้ ซึ่งนอกจากจะเป็นการปิดกั้นอำนาจของส.ส.แล้ว ในส่วนของการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังเป็นการตัดสิทธิ์ของประชาชนที่จะเข้าตรวจสอบสาระสำคัญของเรื่องที่อาจมีผลผูกพันต่อประเทศชาติที่ประชาชนควรมีส่วนร่วม ซึ่งข้ออ้างว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ฝ่ายบริหารไม่มีน้ำหนัก เพราะผลเสียที่ตามอาจให้ประเทศชาติเสียหายเกินกว่าจะเยียวยาได้
จึงชี้ให้เห็นว่าการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวเป็นการทำลายดุลยภาพการถ่วงดุลอำนาจ ลดทอนอำนาจการตรวจสอบของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ใช่การกระทำเพื่อส่วนรวมอย่างแท้จริง