อีกทั้งการกระทำความผิดดังกล่าวยังเป็นคดีพิเศษ ซึ่งได้สอบสวนคดีร่วมกัน 3 ฝ่าย โดยมีพนักงานสอบสวนคดีพิเศษของกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) และสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อแกนนำฯ อีก 58 คน ในความผิดตามกฎหมายอาญาฐานร่วมกันกระทำการเป็นกบฎตามมาตรา 113 และมาตรา 114 ร่วมกันยุยงให้ประชาชนละเมิดกฎหมายตามมาตรา 116 และร่วมกันมั่วสุมให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองตามมาตรา 215
"ความผิดดังกล่าวบุคคลที่จะได้รับโทษ ไม่ใช่เฉพาะนายสุเทพ และแกนนำฯ เท่านั้น แต่ผู้ร่วมชุมนุมก็เข้าข่ายเป็นความผิดดังกล่าวด้วย แม้วันนี้จะไม่ถูกจับกุม แต่ภายหน้าอาจถูกจับกุมดำเนินคดีได้ เพราะคดีมีอายุความ 20 ปี" นายพีรพันธุ์ กล่าว
บัดนี้ปรากฎว่ามีการนำผู้ชุมนุมไปปิดล้อมและบุกสถานที่ราชการหลายแห่งทำให้ทรัพย์สินราชการเสียหาย เช่น พังรั้ว ตัดกุญแจ งัด ทำลายประตู จนเสียหายบุกเข้าอาคารสถานที่ราชการ การปิดล้อม กีดกัน ขับไล่ และหน่วงเหนี่ยว ไม่ให้เข้าราชการเข้า-ออก จนไม่สามารถเข้าทำงานได้ปกติ นอกจากจะเป็นความผิดร้ายแรงดังกล่าวแล้ว ยังเป็นความผิดฐานบุกรุกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 และ 365 ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตามมาตรา 358 และความผิดต่อเสรีภาพตามประมวลกฎหมายมาตรา 309 และมาตรา 310 ซึ่งตามหลักกฎหมายอาญาผู้ร่วมชุมนุมกระทำการก็เข้าข่ายความผิดภายในอายุความเช่นกัน
ดังนั้น ศอ.รส.จึงขอชี้แจง ตักเตือน แกนนำฯ ผู้ชุมนุมทุกคน ให้งดเว้นการกระทำผิดดังกล่าว เพราะนอกจากจะต้องรับโทษอาญาแล้ว ยังมีส่วนซ้ำเติมความเสียหายบ้านเมืองอย่างใหญ่หลวง