พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า การเดินขบวนของผู้ชุมนุม กฎหมายระบุว่าสามารถทำได้ แต่จะทำอย่างไรให้เดินแล้วมีความปลอดภัย ดังนั้นน่าจะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะหากทำร่วมกันได้ก็จะไม่มีเรื่อง ประเทศขณะนี้เหมือนร่างกายอ่อนแอและมีโรคแทรกซ้อนจึงต้องดูแลไม่ให้อ่อนแอ เปรียบกับการวางกำลังแนวชายแดน เพื่อป้องกันภัยแทรกซ้อน เปรียบเหมือนมะเร็ง ถ้าป้องกันได้ มะเร็งก็ไม่แพร่เข้ามา นี่คือสิ่งที่เป็นห่วง “ผมเป็นห่วง ไม่อยากให้ใครเป็นอะไร ถ้าร่วมกันได้ อยากทำอะไรก็ทำ แต่ต้องทำในสิ่งที่อยู่ในกรอบกฎหมาย ไม่ใช่ทุกคนอยากทำอะไรก็ทำได้ หากต่างคนต่างทำก็จะยุ่งกันไปหมด เรื่องอาวุธ กระสุน เป็นเรื่องของความรุนแรงที่ไม่ควรให้เกิดและเป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ยังสามารถแก้ไขได้ด้วยการดูแลร่วมกัน ส่วนบางจุดที่ไม่เกิดเหตุรุนแรง ผมก็ขอชื่นชม ในที่สุดความเห็นที่เหมือนกันจะได้ความลงตัวที่ดี ประเทศจะได้ชัยชนะ"ผบ.สส. กล่าว
ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นบริเวณถนนบรรทัดทอง นั้น ทราบจากข่าวว่า ผู้ชุมนุมมีการเปลี่ยนเส้นทางเดินกะทันหัน ถ้าผมจะเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนไปในเส้นทางที่ไม่ถูกลอบทำร้าย แต่บังเอิญไปโดน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย แต่ กปปส. ไม่อยากให้เข้าไปทำ ถ้าไม่มั่นใจว่า จะทำได้ดีก็ต้องจัดเจ้าหน้าที่มาสังเกตการณ์ว่า ตำรวจทำตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ สิ่งใดไม่ดีก็จะได้แจ้งกันได้จะได้ช่วยขยายสิ่งที่ไม่ดี
ทั้งนี้จากที่ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทางตำรวจต้องทำหน้าที่เหมือนเดิม แต่ทางตำรวจบอกว่า ทางกลุ่ม กปปส.ไม่ให้ทำ แต่จะให้ทหารทำอยู่ฝ่ายเดียวก็ไม่ใช่หน้าที่จึงต้องพาตำรวจหรือนำอาสาสมัครที่ดูแลความปลอดภัยไปด้วย เพราะหากไม่มีใครทำงานก็ต้องเลิกหมด ดังนั้นตนหรือคนอื่นไม่ทำก็ไม่ได้ ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดีที่มีคนอื่นมาคุยตรงนี้ได้
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนความพยายามให้สหรัฐอเมริกาเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหานั้น มองว่า บ้านเราต้องแก้กันเอง เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาไม่ได้นำประเทศอื่นมาช่วยแก้ปัญหาชายแดน แต่ปัญหาก็จบด้วยดี ถ้าเอาคนอื่นเข้ามาจะเหมือนกับเป็นการสาวไส้ให้กากิน ทั้งนี้ตนได้พูดคุยกับทางผู้นำทางทหารของต่างประเทศเป็นประจำ โดยตนพยายามสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติว่า ทหารจะปฏิบัติตามกติกา ไม่ให้มีใครเป็นอะไร และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต่างประเทศเข้าใจและชื่นชมว่า ทหารวางตัวได้เหมาะสม
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังสันติ ไม่ตีกัน ซึ่งตนมั่นใจว่า กลุ่มผู้ชุมนุมและรัฐบาลไม่อยากให้มีใครเป็นอะไร แต่บางครั้งสุดวิสัย เมื่อเกิดแล้วเราต้องจับวิกฤติให้เป็นโอกาส มาพุดคุยกัน ยิ่งคุยกันเร็ว คุยกันบ่อยดีกว่าพูดกันมาก แต่ไม่ได้หมายความว่า ให้เลิกประท้วง ซึ่งสามารถทำให้ทุกคนกลับมาวิน-วินได้
“บางทีทุกอย่างเสียหมดเลยทั้งรัฐบาล และกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ประเทศชาติได้ ผมมั่นใจว่า ทั้งรัฐบาลและม็อบก็เอา แต่จะทำอย่างไร ถ้าไม่คุยกันจะไม่เห็นวิธี ความจริง มองว่า การมาประท้วงก็เหมือนการมาเลือกตั้งที่บอกว่า อันไหนดีหรือไม่ดี แต่ระบบกฎหมายยังเดินหน้าอยู่ และการตรวจสอบดำเนินคดีต้องทำต่อไป เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นอำนาจของศาลเราไม่สามารถไปยุ่งได้ แต่เราสามารถตั้งคนเข้าไปสังเกตการณ์ คอยดูได้ ความเห็นคน 100 คนไม่เหมือนกัน แต่ต้องมีย่านกลางที่ใกล้กัน ความเห็นของคนที่มีสิทธิเลือกตั้งมีประมาณ 40 ล้านคน ก็ไม่เหมือนกันทั้งหมด แต่ต้องมีเส้นอยู่คู่หนึ่งที่ทุกคนเห็นคล้ายกันและเป็นประโยชน์ต่อชาติ ผมมีอยู่อย่างเดียว คือ อยากให้ทุกคนคุยกันและปลอดภัย ในจุดที่ทหารยืนอยู่ตรงนี้ กองทัพมั่นใจว่า คุยกับตำรวจ รัฐบาลหรือใครก็ได้เพื่อไม่ให้มีเรื่อง จะสังเกตว่า ถ้ามีการพูดคุยและทำตามที่คุยจะไม่มีเรื่อง"
ทั้งนี้ เหล่าทัพจะเป็นคนกลางในการพูดคุยระหว่างสองฝ่ายได้หรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ใครๆ ก็เป็นได้ ถ้าทุกคนยอมรับก็เป็นคนกลางได้ ทุกคนพร้อมให้ประเทศกลับมาสู่สิ่งดีๆ ตนมองโลกในแง่ดี ทุกคนอยากให้ประเทศดีจึงมีการแสดงออกมา
เมื่อถามว่า รัฐบาลกับ กปปส.เหมือนเส้นขนานหาทางบรรจบกันไม่ได้ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ทั้ง 2 ฝ่ายอาจอยากคุยกันก็ได้ แต่ยังหาคนกลางไม่ได้ และเรายังตอบไม่ได้ว่า ใครจะมาเป็นคนกลาง ส่วนจะให้นายกฯลาออกเพื่อให้สถานการณ์ยุติหรือไม่นั้น ก็ต้องกลับไปถามกันอีกที เพราะขณะนี้ตัวละครมีมาก ก่อนหน้านี้ตัวละครน้อย แต่ตอนนี้มี 3-6 คนจึงต้องกลับไปถามตัวละครทั้งหมด อีกทั้งตัวละครหลักมีอยู่
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า จะให้ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลาง พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า หากใครรู้จักตน ตนจะลาออกจากราชการเมื่อ 6 ปีที่แล้ว แต่ไม่สามารถลาออกได้ แล้วจะให้ตนมาทำงานหลังเกษียณจ้างให้ก็ไม่ทำ ตนจึงพูดว่าแมงโม้เยอะ
ต่อข้อถามว่ากองทัพรู้สึกกดดันหรือไม่ ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ ผบ.เหล่าทัพ ออกมาไล่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า นั่นคือความเห็นและมั่นใจว่าเป็นสิ่งที่ดี แต่สิ่งที่พูดกัน คือ ไม่อยากให้มีความรุนแรง ลองไปถาม ผบ.ตร.หรือทหารว่า พกปืนหรือไม่ ถ้าพกปืนแสดงว่าอยากให้มีความรุนแรง แต่นี่ไม่มี “ขณะนี้เราต้องเป็นเหมือนตาสับปะรดคือต้องช่วยกันดูแล ไม่ใช่ปากสับปะรด ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างผบ.เหล่าทัพกับนายกฯถือว่า ปกติ และมีการพูดคุยกันตลอด ซึ่งเราคุยกับทุกฝ่ายไม่ใช่เฉพาะนายกฯ เพราะหากเราไม่คุย สถานการณ์จะไม่นิ่ง จึงจำเป็นต้องคุยเพื่อไม่ให้มีปัญหา ตอนนี้มีปัญหาคือ การชอบไปสอนคนอื่นทำงาน ตอนนี้ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเสียก่อน ผมเคารพและให้เกียรติทุกคน ทหารสมัยใหม่ต้องไม่ยืนหน้าคนอื่น แต่ให้เกียรติคนอื่นไปยืนข้างหน้า เราต้องเกาะกติกา เพื่อประเทศชาติ การมีคนเจ็บ-ตายเป็นเรื่องน่าเสียใจ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ขณะนี้มีการชุมนุมมา 101 วัน มีทั้งคนเจ็บและตาย ถ้าเปรียบกับบางประเทศ วันเดียวมีคนตาย 30 กว่าคน" ผบ.สส. กล่าว
พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ในส่วนของทหารมีการพูดคุยและประเมินกันทุกวัน เพื่อประคองสถานการณ์ไม่ให้มีปัญหา ทหารก็เป็นคนๆ หนึ่งมีแค่ 4 แสนคนจากคนทั้งประเทศ 60 ล้านคน แม้ทหารจะมีอาวุธแต่เรามีวินัย แต่ถ้าใครทำผิดวินัยต้องถูกลงโทษ ถ้าไม่มีวินัย ประเทศคงไม่พัฒนามาขนาดนี้ ตอนนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้เพื่อไม่ให้ใครเป็นอะไร และทำให้ประเทศได้ดี ประเทศและคนไทยได้ผลประโยชน์ ซึ่งตนมั่นใจว่า นี่คือเป้าหมายของประชาชน