"ขณะนี้ได้พูดคุยกับนายถาวร เสนเนียม แกนนำผู้ชุมนุมกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่เวทีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อขอให้ยุติการชุมนุม เพราะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในด้านการจราจร พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการยุบเวทีการชุมนุมเหลือเพียงเวทีเดียว เพื่อความสะดวกในการดแลความปลอดภัยแก่ผู้ชุมนุม"
นอกจากนี้ จะใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในการจับกุมแกนนำ ซึ่งให้อำนาจในการเข้าจับกุมตัวและสามารถกักตัวไว้ได้เป็นเวลา 30 วัน และเตรียมเอาผิดกับนายทุนที่ให้การสนับสนุนซึ่งขณะนี้มีรายชื่ออยู่แล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยว่าเป็นใครบ้าง และหากพบทำผิดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ป.ป.ง.) จะยึดทรัพย์ทันที
อย่างไรก็ตาม จะไม่ปิดกั้นการทำงานของสื่อมวลชน แต่อาจจะพิจารณาการรายงานข่าวของสถานีบลูสกาย ที่มีเนื้อหาบิดเบือนข้อมูล
พร้อมทั้ง เตรียมตอบโต้การชัตดาวน์ กทม. ด้วยการขึ้นป้าย นำสันติสุขสู่ กทม. อีกทั้งขอประณามการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส.ที่ปราศรัยบิดเบือน และคุกคามการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม เมืองทองธานี รวมถึงที่กระทรวงแรงงาน ซึ่งเป็นการประชุม ศรส. เมื่อวานนี้ (22 ม.ค.) และการรื้อป้ายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพราะเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม อยากให้นายสุเทพ รับฟังคำเตือนจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่ระบุว่านายสุเทพ อาจถูกลอบทำร้ายเหมือนกับนายสนธิ
สำหรับการเลือกตั้งล่วงหน้าที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 ม.ค.นี้ ร.ต.อ.เฉลิม เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาผู้ชุมนุมไปขัดขวาง เพราะประชาชนส่วนใหญ่จะไม่ให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งแกนนำ กปปส. เนื่องจากต่างประเทศอาจจะประณามการกระทำครั้งนี้ได้
ขณะที่ตำรวจมีความจำเป็นที่ต้องการใช้กำลังพลดูแลการเลือกตั้ง มากกว่า 1 แสนคน รวมทั้งเตรียมตรวจสอบการจับอาวุธ และวัตถุระเบิดได้ในช่วงการชุมนุม รวมถึงตรวจสอบการเข้ามาของกองกำลังต่างชาติ