โดยผู้ถูกร้องทั้ง 20 รายได้กระทำการต้องห้ามในการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ในช่วงที่มีการประกาศยุบสภา และมี พ.ร.ฏ.การเลือกตั้ง โดยใช้บุคลากรและทรัพยากรของรัฐกระทำการที่ขัดต่อการเลือกตั้ง โดยผู้กระทำยังเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย และบุคคลที่รู้เห็นก็เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมือง
ดังนั้นจึงขอให้ศาลมีคำวินิจฉัยใน 3 กรณี คือ 1.ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าการกระทำของผู้ถูกร้องทั้งหมดขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 ในเรื่องการได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ 2.ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และ 3. เนื่องจากผู้ถูกร้องเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จึงขอให้ศาลพิจารณายุบพรรคเพื่อไทยด้วย
ด้านนายวิรัตน์ กล่าวว่า พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ที่ออกโดยรัฐบาลมีการขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ และยังไม่ได้มีเหตุฉุกเฉินอย่างแท้จริงเหมือนเช่นในปี 53 ที่พบว่ากลุ่มผู้ชุมนุมมีการใช้อาวุธทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ แต่การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ในครั้งนี้ มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะปิดกั้นสื่อมวลชน อันจะเป็นผลให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อการเลือกตั้ง โดยเฉพาะการปิดกั้นบลูสกายทีวี และทีนิวส์ที่นำเสนอข้อเท็จจริงผ่านสื่อ ดังนั้นจึงขอให้ศาลยุบพรรคเพื่อไทย และให้ใบแดงกับผู้สมัครดังกล่าวที่เป็นผู้ถูกร้องในครั้งนี้
สำหรับผู้ถูกร้องมีทั้งหมด 20 ราย ประกอบด้วย ผู้ถูกร้องที่ 1 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, ผู้ถูกร้องที่ 2 คณะรัฐมนตรี, ผู้ถูกร้องที่ 3 นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ, ผู้ถูกร้องที่ 4 นายปลอดประสพ สุรัสวดี, ผู้ถูกร้องที่ 5 นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, ผู้ถูกร้องที่ 6 นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล, ผู้ถูกร้องที่ 7 นายชัยเกษม นิติสิริ, ผู้ถูกร้องที่ 8 ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง, ผู้ถูกร้องที่ 9 พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก, ผู้ถูกร้องที่ 10 นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา,
ผู้ถูกร้องที่ 11 นายสันติ พร้อมพัฒน์, ผู้ถูกร้องที่ 12 นายวราเทพ รัตนากร, ผู้ถูกร้องที่ 13 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, ผู้ถูกร้องที่ 14 นายจาตุรนต์ ฉายแสง, ผู้ถูกร้องที่ 15 นายประชา ประสพดี, ผู้ถูกร้องที่ 16 นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย, ผู้ถูกร้องที่ 17 นายพ้อง ชีวานันท์, ผู้ถูกร้องที่ 18 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ, ผู้ถูกร้องที่ 19 นายสรวงศ์ เทียนทอง และผู้ถูกร้องที่ 20 พรรคเพื่อไทย