ทั้งนี้ ศาลแพ่งได้วิเคราะห์คำฟ้องแล้วเห็นว่ามีมูลเพียงพอที่จะรับคดีไว้พิจารณา เนื่องจากคำฟ้องของโจทก์ระบุว่าการที่จำเลยออก พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีเจตนารมย์ให้ฝ่ายบริหารนำมาปฏิบัติเพื่อการแก้ไขปัญหาให้ได้ข้อยุติเป็นปกติสุขโดยเร็ว แต่ก็มิได้หมายความว่าประชาชนจะไม่มีสิทธิโต้แย้งได้ แต่จำเลยอ้างว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวเป็นการลิดรอนสิทธิในการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ เป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ
และเนื่องจากเห็นว่าสถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์พิเศษ ศาลจึงให้โจทก์นำเจ้าหน้าที่ของศาลไปแจ้งต่อจำเลยทั้ง 3 ให้ทราบ หากไม่พบตัวก็ให้ติดหมายไว้ภายใน 3 วัน และจะนัดชี้ 2 สถาน ในวันที่ 6 ก.พ.เวลา 09.00 น. ซึ่งหากในวันดังกล่าวจำเลยไม่มาศาลก็ให้นัดไต่สวนพยานโจทก์ได้เลย
นายถาวร กล่าวว่า นอกจากคำขอแรกที่ขอให้เพิกถอนการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงแล้ว ในส่วนที่เป็นการขอคุ้มครองชั่วคราวเพื่อขอดูแลผู้ชุมนุมนั้น ศาลฯ มีคำสั่งให้ไต่สวนฉุกเฉินเวลา 13.30 น. ซึ่งจะมีพยานมาเบิกความ 2 ปาก คือ ตน และนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
อนึ่ง จำเลยที่ถูกยื่นฟ้องได้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี, ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) และ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในฐานะผู้ปฏิบัติ