ในวันที่ 2 ก.พ.นี้ คาดว่าจะมีการขัดขวางการเลือกตั้งในพื้นที่ที่มีการชุมนุมเป็นหลัก คือ กทม.และพื้นที่ 10 จังหวัด ภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แต่ก็ได้สั่งการให้เฝ้าระวังอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นพื้นที่มีความแตกต่างด้านความคิด ส่วนพื้นที่อื่นก็น่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เตรียมแผนเผชิญเหตุที่มีมาตรการด้านกฏหมายรองรับ จะใช้กำลังตำรวจกว่า 2 แสนนาย เป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรกว่า 5 หมื่นนาย พร้อมชุดเคลื่อนที่เร็วระดับโรงพัก 1,450 ชุด นอกจากนี้ยังมีชุดเคลื่อนที่เร็วระดับกองกำกับการและกองบังคับการอีกจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม จากการประเมินสถานการณ์วันเลือกตั้งในวันที่ 2 ก.พ. เชื่อว่าจะไม่มีเหตุรุนแรง เพราะหน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้กลุ่มผู้ที่ต้องการขัดขวางการเลือกตั้งต้องกระจายกำลังออกไป หากกลุ่มผู้ขัดขวางการเลือกตั้งมีน้อยกว่าผู้ที่ไปใช้สิทธิก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร คนส่วนน้อยไม่สามารถบังคับคนส่วนใหญ่ได้ เปรียบเหมือนมีน้ำ 10 ถัง ไปเท 1 พันที่ แต่ละที่จำนวนน้ำก็จะลดน้อยลง
สำหรับการป้องกันเหตุปะทะกันนั้นคาดว่าจะมีความเสี่ยงในเขตปริมณฑล แต่ก็เตรียมการป้องกันและชุดเคลื่อนที่เร็วเพื่อเข้าไปคลี่คลายหากเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น ส่วนการรักษาความปลอดภัยบัตรเลือกตั้งเมื่อออกจากโรงพิมพ์ไปยังที่ทำการไปรษณีย์หลักต่างๆ ก็มีแผนรักษาความปลอดภัย เพื่อให้บัตรและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปยังที่รวมบัตรก่อนจะกระจายไปยังเขตเลือกตั้งต่างๆ ขณะนี้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้วไปส่วนหนึ่งและเป็นไปด้วยความเรียบร้อย แต่ภาคใต้ยังมีที่คงค้างอยู่ที่ไปรษณีย์ชุมพร ทุ่งสง หาดใหญ่
ทั้งนี้ จากการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมา มีหน่วยเลือกตั้งในเขตและนอกเขตเลือกตั้ง กว่า 500 หน่วย ส่วนที่มีการขัดขวางก็มีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่มี 80 กว่าเปอร์เซ็นต์ ที่สามารถดำเนินการเลือกตั้งไปได้ ดังนั้นวันเลือกตั้งจริงในวันที่ 2 ก.พ. นี้จะมีหน่วยเลือกตั้งถึง 93,535 หน่วย ใน 77 จังหวัด
พล.ต.ท.อำนาจ กล่าวอีกว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กดดันหรืออึดอัด เพราะปกติการทำงานตำรวจก็อยู่ภายใต้ความกดดันอยู่แล้ว เราก็ต้องใช้ความอดทน อดกลั้นในการทำหน้าที่ของตำรวจ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย แนะนำประชาชนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งให้มาแบบบริสุทธิ์ใจ หากเจอผู้ที่ขัดขวางก็ให้หลีกเลี่ยงการปะทะ ซึ่งก็จะมีเจ้าหน้าที่มาเป็นผู้เจรจาให้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยด้วย