ในส่วนของ สธ.ได้ปรับจำนวนทีมแพทย์กู้ชีพฉุกเฉินให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจัดทีมแพทย์ฉุกเฉินชั้นสูงร่วมปฏิบัติงานกับสภากาชาดไปประจำการที่จุดชุมนุมสวนลุมพินี 1 ทีม และประจำการที่โรงพยาบาลสงฆ์ 1 ทีม สำรองที่โรงพยาบาลราชวิถี โรงพยาบาลเลิดสิน โรงพยาบาลนพรัตนราชธานีแห่งละ 2 ทีม พร้อมออกปฏิบัติการทันทีหากมีสถานการณ์รุนแรง โดยให้ทีมแพทย์ฯ เฝ้าระวังจุดเสี่ยงพื้นที่ชุมนุม ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และตามสถานการณ์
สำหรับในต่างจังหวัดได้กำชับให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงเป็นพิเศษ โดยเฉพาะจุดที่มีการชุมนุมของชาวนาใน 3 จังหวัดได้แก่ แยกวังมะนาว จังหวัดราชบุรี พิจิตร และอ่างทอง โดยให้เตรียมความพร้อมทีมแพทย์ฉุกเฉินชั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและแก้ไขปัญหาสาธารณภัยด้านการแพทย์และสาธารณสุขของกระทวงสาธารณสุข กรณีชุมนุมทางการเมือง รพ.สงฆ์ กทม.กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาในพื้นที่การชุมนุมใน กทม.ไม่มีผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น
ยอดผู้บาดเจ็บสะสมตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย.56 จนถึง 10.00 น.วันนี้มีผู้บาดเจ็บเท่าเดิมรวม 603 ราย ยังคงนอนรักษาตัวในรพ. 15 ราย ในจำนวนนี้อาการน่าห่วง 2 ราย รายแรกอยู่ที่โรงพยาบาลวิภาวดี เป็นชายอายุ 71 ปี ถูกยิงที่แยกหลักสี่เมื่อวันที่ 1 ก.พ. กระสุนปืนถูกบริเวณต้นคอต้องใส่ท่อช่วยหายใจ ขณะนี้ยังพักรักษาตัวอยู่ในหอไอซียู อีก 1 รายเป็นหญิง เหตุเกิดในซอยแจ้งวัฒนะ 10 เมื่อช่วงดึกวันที่ 1 ก.พ. ถูกยิงกระสุนปืนเข้าที่ราวนมซ้าย ถูกปอดด้านขวา มีเลือดออกในช่องปอด แพทย์ใส่ท่อระบายเลือดออกจากปอด
ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตยังคงที่ 10 ราย