สำหรับผลการเลือกตั้งดังกล่าวเฉพาะ 68 จังหวัดทั่วประเทศ ยังไม่นับรวม 9 จังหวัดที่ไม่สามารถเปิดลงคะแนนได้ ประกอบด้วย กระบี่ ชุมพร ตรัง พังงา พัทลุง ภูเก็ต ระนอง สงขลา และนราธิวาส
กกต.สรุปว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มียอดผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งสิ้น 43,024,042 คน โดยมีผู้มาใช้สิทธิจำนวน 20,129,976 คน คิดเป็น 46.79% จำนวนบัตรดี 14,368,962 บัตร คิดเป็น 71.38% จำนวนบัตรเสีย 2,425,673 บัตร คิดเป็น 12.05% ขณะที่จำนวนผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3,335,334 บัตร คิดเป็น 16.57%
จังหวัดที่มีผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เชียงใหม่ มีผู้ออกมาใช้สิทธิ 827,808 คน คืดเป็น 75.05% รองลงมาคือ ลำพูน มีผู้มาใช้สิทธิ 241,209 คนคิดเป็น 73.39% และ แม่ฮ่องสอน มีผู้มาใช้สิทธิ 104,119 คิดเป็น 65.21%
ส่วนพื้นที่ กทม.รวม 33 เขต 6,671 หน่วยเลือกตั้ง สามารถเปิดลงคะแนนได้ 6,155 หน่วย งดลงคะแนน 516 หน่วย โดยมีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 4,369,120 คน และมีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 733,196 คน คิดเป็น 16.78% โดยมีบัตรดีจำนวน 498,847 บัตร คิดเป็น 68.04% บัตรเสีย 58,254 บัตร คิดเป็น 7.95% และจำนวนผู้ไม่ประสงค์ลงคะแนน 176,094 บัตร คิดเป็น 24.02%
รายงานข่าว แจ้งว่า ในวันพรุ่งนี้(6 ก.พ.) กกต.จะมีประชุมอีกครั้งเพื่อร่วมกันพิจารณาลงมติในประเด็นปัญหาสำคัญ ทั้งการจัดการเลือกตั้งล่วงหน้า การจัดการเลือกตั้งทั่วไปในหน่วยที่ไม่สามารถเปิดการลงคะแนนได้ และกรณี 28 เขตเลือกตั้งในพื้นที่ภาคใต้ที่ไม่มีผู้สมัครลงรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขต โดย กกต.จะรับฟังและสอบถามความเห็นจากฝ่ายกฎหมายและที่ปรึกษากฎหมายก่อนลงมติตัดสินใจ ซึ่งขณะนี้สำนักงาน กกต.กำลังรวบรวมประเด็นปัญหาในแต่ละพื้นที่ที่สะท้อนผ่านการจัดประชุมผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงประเด็นข้อกฎหมายต่างๆ เพื่อเสนอต่อที่ประชุม กกต.ต่อไป