พร้อมระบุว่า ชาวนาเป็นกระดูกสันหลังของชาติ และข้าวมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมไทยมาช้านาน เป็นทั้งพืชเศรษฐกิจและวิถีชีวิตของคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ แต่ชาวนากลับเป็นกลุ่มคนที่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่ได้รับการดูแล ไม่ได้รับผลตอบแทนที่เป็นธรรมและเหมาะสมมาโดยตลอด รัฐบาลชุดนี้จึงเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ชาวนาจะต้องได้รับความเป็นธรรม ผลผลิตต้องได้ราคา ผลกำไรต้องตกอยู่ในมืออย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่ตกอยู่ในมือพ่อค้าคนกลาง โครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลจึงเป็นนโยบายเพื่อยกระดับรายได้ และสร้างความมั่นคงมั่งคั่งที่ยั่งยืน ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และนำไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวก็ไม่ได้ผิดกับนโยบายสนับสนุนและอุดหนุนสินค้าเกษตรในต่างประเทศที่มีหลากหลายรูปแบบ ปรับใช้ตามสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ด้วยทุกคนตระหนักว่า ประเทศจะต้องดูแลผู้ที่ผลิตผลผลิตทางการเกษตรหลักของชาติให้มีชีวิตที่ดี มีรายได้ มีความสุข ปรัชญาแนวคิดที่มาเป็นนโยบายของรัฐบาลจึงเป็นที่ยอมรับของชาวนามาโดยตลอด และประสบความสำเร็จในการยกระดับรายได้ขยายโอกาสให้กับพี่น้องประชาชนในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ดิฉันและคณะรัฐมนตรีได้ทุ่มเทที่จะทำให้โครงการสำเร็จ
สำหรับสถานการณ์ในปัจจุบันเป็นสถานการณ์พิเศษ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเหตุการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในช่วง 3 – 4 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งนำไปสู่การยุบสภาผู้แทนราษฎรและการเลือกตั้ง ทำให้การปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลมีข้อจำกัดในการบริหารงานตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 181 ในขณะเดียวกันก็มีเกมการเมืองนอกระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และมีเป้าหมายเดียวคือล้มล้างรัฐบาล และช่วงชิงอำนาจทางการเมือง ดำเนินการขัดขวางการทำงานของรัฐบาลที่พยายามจะดูแลทุกข์สุขของประชาชนอย่างต่อเนื่อง แม้แต่โครงการจำนำข้าวที่เป็นที่ชื่นชอบของชาวนาทั่วประเทศ