"ยรรยง"โต้"หม่อมอุ๋ย"ขายข้าวในสต๊อกมากกว่ารัฐบาลอื่น เดินหน้าช่วยชาวนา

ข่าวการเมือง Thursday February 6, 2014 18:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายยรรงยง พวงราช รมช.พาณิชย์ ชี้แจงกรณีที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรี ออกจดหมายเปิดผนึกโจมตีรัฐบาลและขอให้นายกรัฐมนตรีลาออกเนื่องจากบริหารโครงการรับจำนำข้าวล้มเหลวว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ชุดปัจจุบันสามารถขายข้าวสต๊อกรัฐบาลได้มากกว่าทุกรัฐบาล สามารถนำเงินเข้าประเทศมากถึง 190,000 ล้านบาท ถือว่ามากสุดในประวัติศาสตร์

และหากย้อนหลังไปดูในช่วงที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เป็นรองนายกรัฐมนตรี มีนายเกริกไกร จีระแพทย์ เป็น รมว.พาณิชย์ และนางอรนุช โอสถานุเคราะห์ เป็น รมช.พาณิชย์ ราคาข้าวขณะนั้นตกต่ำที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 330 เหรียญสหรัฐ/ตันเท่านั้น

"รัฐบาลของหม่อมอุ๋ย ผลงานขายข้าวไม่ได้กว่ารัฐบาลนี้เลย ราคาข้าวตกต่ำมาก ราคาเฉลี่ยที่ 320-330 เหรียญสหรัฐฯ/ตันเท่านั้น ส่วนข้าวในสต๊อกรัฐบาลถ้าจำไม่ผิดขายได้ที่ 8,000 พันกว่าบาท รัฐบาลของหม่อมอุ๋ย มีผลงานอะไรที่ช่วยเหลือชาวนาบ้าง ถ้าอยากให้รัฐบาลนี้ลาออก นายกฯ ลาออก เพราะบริหารข้าวผิดพลาด ท่านก็ควรจะลาออกย้อนหลังด้วย"นายรรยง กล่าว

รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่ผู้ส่งออกข้าวบางรายระบุว่า บริษัท เป่ยต้าหวง ถูกรัฐบาลจีนสอบสวนกรณีซื้อข้าวกับรัฐบาลไทยนั้นไม่เป็นความจริง แต่เหตุที่ยกเลิกการซื้อข้าวไทยเพราะไม่อยากผูกพันกับปัญหาการเมือง ส่วนประเด็นการซื้อขายข้าวกับรัฐบาลจีนต้องผ่านบริษัท คอฟโก รัฐวิสาหกิจของรัฐบาลกลางเท่านั้นก็ไม่เป็นความจริงเช่นกัน เพราะขณะนี้คอฟโกไม่ได้ถือหุ้นโดยรัฐบาลจีนแบบ 100% และขายหุ้นบางส่วนให้ตลาดฮ่องกงแล้ว ซึ่งในปีที่ผ่านมาจีนนำเข้าข้าวจากทั่วโลกมากกว่า 2.4 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นสัญญาที่ซื้อขายกับคอฟโกเพียง 500,000 ตันเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นการซื้อขายข้าวจากบริษัทต่างๆ

ส่วนผลการหารือร่วมกับสมาคมโรงสีข้าวไทยและผู้ประกอบการโรงสีข้าวทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหารัฐค้างจ่ายเงินค่าข้าวให้ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวเปลือกปี 56/57(รอบแรก) ตั้งแต่เดือน ต.ค.56 ว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้โรงสีช่วยเหลือชาวนาไปก่อน เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยให้ชาวนาที่เป็นลูกค้าของโรงสีแต่ละรายสามารถนำใบประทวนมาขึ้นเงินกับโรงสี โดยจะจ่ายให้ในอัตรา 50% ของมูลค่าข้าวในใบประทวน ซึ่งโรงสีอาจคิดดอกเบี้ยจากชาวนาในอัตรา 0-9% ต่อปี แต่ดอกเบี้ยในส่วนนี้รัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายชดเชยให้กับชาวนาแทน โดยคาดว่ารัฐจะใช้เงินจากงบประมาณกลาง(งบฉุกเฉิน) เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้ชาวนาราว 1,000-1,200 ล้านบาท

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะทำหนังสือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อสอบถามว่าจะใช้เงินจากงบฉุกเฉินจะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ หาก กกต.อนุมัติก็จะดำเนินการแก้ปัญหาตามแนวทางดังกล่าวได้ทันที หรืออย่างช้าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ และระหว่างนี้จะหารือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ด้วย โดยแนวทางแก้ปัญหาสามารถทำได้เหมือนเป็นการจำนำของทั่วๆ ไป แต่กรณีนี้ของที่นำมาจำนำเป็นใบประทวนของชาวนา ส่วนจะผิดกฎหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) หรือไม่ ตนเองไม่ทราบ เพราะกรณีนี้ไม่ใช่การกู้เงินจากสถาบันการเงิน

"แนวทางนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของโรงสีแต่ละแห่งที่มีชาวนาเป็นลูกค้าอยู่แล้ว ก็จะคิดอัตราดอกเบี้ยแตกต่างกันไป แต่ส่วนนี้รัฐบาลจะรับผิดชอบให้ ซึ่งเป็นการนำเอาใบประทวนมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันกับโรงสีก่อน เช่น เงินในใบประทวน 100,000 บาท โรงสีจะสำรองจ่ายให้ชาวนาก่อน 50,000 บาท และอีก 50,000 บาท ธ.ก.ส.จะโอนให้ชาวนา ในส่วนที่โรงสีออกไปก่อน คิดดอกเบี้ยชาวนาเท่าไร รัฐจะจ่ายให้แทน แต่ไม่เกิน 9% ตามอัตราตลาดในปัจจุบัน" นายยรรยง กล่าว

สำหรับแผนระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลนั้น นายยรรยง กล่าวว่า เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยมีทั้งเปิดให้ผู้ส่งออกที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศมาเสนอซื้อข้าวจากรัฐโดยตรง(การซื้อด้วยวิธีพิเศษ) การเปิดประมูลทั่วไป และการขายผ่านตลาดซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย(เอเฟต) รวมทั้งเร่งรัดให้ผู้ซื้อต่างประเทศที่ซื้อข้าวไทยแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ในส่วนที่เป็นสัญญาเดิมให้มารับมอบและจ่ายเงินโดยเร็ว

ด้านนายมานัส กิจประเสริฐ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมฯพร้อมให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการพิจารณาจ่ายเงินให้กับเกษตรกรในการนำใบประทวนมาวางเป็นหลักประกัน ก็จะเลือกจากลูกค้าของโรงสีอยู่แล้ว และดอกเบี้ยจะดูจากประวัติของลูกค้าว่ามีเครดิตดีหรือไม่ อัตราดอกเบี้ยจะแตกต่างกันไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ