หากเห็นว่าบุคคลหรือองค์กรธุรกิจใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ให้การสนับสนุนต่อ กปปส.และมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมายตามที่กล่าวอ้างก็ให้รีบดำเนินการตามกฎหมาย แต่หากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส อย่าทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัย
"การออกมาแถลงครั้งนี้ไม่ได้เป็นการตอบโต้ แต่เป็นการแสดงจุดยืน เพราะหากผู้รับผิดชอบมีหลักฐานก็ให้รีบดำเนินการทางกฎหมาย แต่หากไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดขอให้ยุติการกระทำดังกล่าว เพราะเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับหอการค้าไทยที่สะสมมาเป็นเวลานาน" นายสมเกียรติ กล่าว
ด้านนายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า การออกมาแถลงข่าวครั้งนี้ไม่มีเจตนาที่จะปกป้องผู้ที่กระทำความผิดหากมีหลักฐานแน่ชัด โดยเฉพาะบัญชีรายชื่อท่อน้ำเลี้ยงทั้งเป็นรายบุคคลและรายบริษัทที่เปิดเผยออกมานั้นเป็นรายชื่อที่ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต่อไปผู้ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้
อย่างไรก็ตาม หอการค้าไทยได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง เพื่อดูว่าภายใต้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นั้น รัฐบาลรักษาการ และศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) มีอำนาจหน้าที่ทำอะไรได้บ้าง และภายใต้ พ.ร.ก.นี้ ทีมกฎหมายของหอฯ สามารถดำเนินการอย่างไรได้บ้าง
"กรณีที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานชัดเจน เป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อชื่อเสียงที่สร้างสมกันมาหลายชั่วคน แต่เบื้องต้นนั้นจะยังไม่มีการดำเนินการตอบโต้แต่อย่างใด" นายวิชัย กล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบโดยตรงเกิดขึ้นกับภาคธุรกิจ แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อมที่ถูกโยงเข้าไปเกี่ยวกับการเมือง และภาคธุรกิจเอกชนกังวลว่าจะเกิดความไม่เป็นธรรม เพราะอาจถูกดึงไปเกี่ยวกับการเมืองจนกระทบต่อการทำธุรกิจได้
"หอการค้าไทยจะส่งแถลงการณ์จุดยืนนี้ให้กับสถานทูตประเทศต่างๆ ที่อยู่ในประเทศไทย เครือข่ายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ รวมถึง ศรส.ให้เข้าใจด้วย"นายวิชัย กล่าว