เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ชลภัทร ปานสกุณ พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ได้ยื่นคำร้องขออำนาจศาลฝากขังครั้งแรกนายสนธิญาณต่อศาลอาญาเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 15-26 ก.พ.นี้ โดยพนักงานสอบสวนให้เหตุผลว่า เนื่องจากต้องสอบพยานบุคคลอีก 120 ปาก และรอผลการตรวจประวัติการต้องโทษ พร้อมคัดค้านประกันตัวด้วย เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูงสุดให้ประหารชีวิต เป็นความผิดร้ายแรง และหากปล่อยตัวไปเกรงว่าผู้ต้องหาจะก่อเหตุอันตรายอื่นๆ โดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำดังกล่าว รวมทั้งอาจจะหลบหนีได้
โดยคำร้องฝากขังระบุว่า ผู้ต้องหาเป็นกรรมการ กปปส.ซึ่งได้รับมอบหมายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ให้กระทำการผิดกฎหมาย เช่น การปิดล้อมกรมโยธาธิการและผังเมือง. การปิดล้อมศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง และสถานีตำรวจดินแดง เพื่อขัดขวางการสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และการปิดล้อมสำนักงานเขตดุสิตและเขตราชเทวีจนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งล่วงหน้าในวันที่ 26 ม.ค.ได้ และประชาชนที่จะไปใช้สิทธิก็ไม่สามารถเข้าไปใช้สิทธิได้
ขณะที่นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของนายสนธิญาณ กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง พร้อมนำสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารไทยพาณิชย์ มูลค่า 500,000 บาท ยื่นขอประกันตัวด้วย พร้อมระบุเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.พฤติการณ์การชุมนุมนั้น ก่อนหน้านี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ได้วินิจฉัยแล้วสามารถกระทำได้และเป็นการชุมนุมสงบ 2.เมื่อพฤติการณ์การชุมนุมเป็นไปเพื่อเรียกร้องรัฐบาลลาออกโดยไม่ได้สร้างเหตุรุนแรงใดๆ ดังนั้นการตั้งข้อกล่าวหาว่ากบฏจึงรุนแรงเกินไป และ 3.การฝากขังนั้นกระทำโดยมิชอบ เนื่องจากไม่ได้เป็นการจับกุมตามขั้นตอนที่จะมีเวลาควบคุมผู้ต้องหา 48 ชั่วโมง แต่การฝากขังนี้สืบเนื่องจากการควบคุมตัวตามกฎหมายพิเศษ คือ พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ที่จะครบกำหนด 7 วันในปลายสัปดาห์ อีกทั้งการตั้งข้อกล่าวหานี้ดีเอสไอเคยร้องขอศาลอนุมัติหมายจับ แต่ศาลยกคำร้องโดยให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกก่อน ซึ่งจะถึงกำหนดวันเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 22 ก.พ.นี้