สำหรับการปฏิบัติการขอคืนพื้นที่บริเวณแยกสวนมิสกวัน ถนนราชดำเนินนอก ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้(14 ก.พ.) เป็นไปด้วยความละมุนละม่อม ไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเหมือนปี 2553 ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาจริงก็สามารถทำได้ และหากกลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปิดสถานที่ราชการอีกก็จะใช้รถผู้ต้องขังเข้าปิดหัวปิดท้ายและจับกุมตามหมายจับทันที ส่วนการขอคืนพื้นที่ศูนย์ราชการฯ แจ้งวัฒนะ นั้นคงต้องใช้การเจรจาก่อน
ส่วนกรณีเกิดเหตุคนร้ายลอบยิงบ้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น(ประเทศไทย) นั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล เชื่อว่าเป็นความขัดแย้งส่วนตัว เพราะนายประมนต์มีศัตรูมาก อีกทั้งมีการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางซึ่งอาจทำให้มีผู้ไม่พอใจ
ด้าน พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวว่า การขอคืนพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลฝั่งสนามนางเลิ้งเรียบร้อยแล้ว แต่ฝั่งถนนพิษณุโลกยังมีกลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ปักหลักชุมนุมอยู่ การที่นายกรัฐมนตรีจะกลับเข้าไปทำงานที่ทำเนียบรัฐบาลคงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักก่อน ซึ่งภายใน 1-2 วันนี้ ศรส.และหน่วยงานความมั่นคงจะประเมินสถานการณ์ของกลุ่มผู้ชุมนุมอีกครั้งก่อนเจรจาขอเปิดพื้นที่อีกครั้ง เช่นกับการขอคืนพื้นที่เวทีศูนย์ราชการฯ