ในฐานะที่องค์กรภาคเอกชนขณะนี้ ถือเป็นเสาหลักด้านเศรษฐกิจของประเทศ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจึงรู้สึกประหลาดใจและเสียใจที่ได้พบว่า ได้มีการจัดทำบัญชีบุคคล บริษัท ห้างร้านต่าง ๆ ตลอดจนองค์กรภาคธุรกิจและถูกกล่าวหาว่าให้การสนับสนุนต่อ กปปส. ซึ่งบัญชีนั้นได้ถูกเผยแพร่โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน จนทำให้ภาพลักษณ์ขององค์กรภาคธุรกิจเอกชน บริษัท และตัวบุคคล ต้องเสื่อมเสีย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยเจตนา หรือไม่เจตนาก็ตาม โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่มีโอกาสปกป้องตัวเอง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ภาคธุรกิจเอกชนจึงขอเรียกร้องต่อผู้ที่รับผิดชอบเรื่องนี้ในรัฐบาลรักษาการให้ยุติการกระทำอันเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ตลอดจนยุติการกระทำที่จะเพิ่มความบอบช้ำให้แก่เศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และถ้าเห็นว่าบุคคลหรือองค์กรธุรกิจใดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ให้การสนับสนุนต่อ กปปส. และผู้ที่รับผิดชอบมีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย โปรดรีบดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย เพื่อยุติต้นเหตุแห่งการกระทำที่ผิดกฎหมายดังที่มีการกล่าวอ้างโดยเร็ว แต่หากไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ซึ่งความผิด ขอให้ดำเนินการด้วยความโปร่งใส อย่าทำให้สังคมเกิดความเคลือบแคลงสงสัยต่อผู้บริสุทธิ์ รวมทั้ง ให้ความยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากข่าวที่ปรากฎออกไป
ภาคธุรกิจเอกชนมีความปรารถนาดี และปณิธานอันแน่วแน่ ที่จะให้เกิดความปรองดองขึ้นในชาติ รวมถึงได้มีบทบาทนำเสนอกระบวนการต่าง ๆ เพื่อยุติความขัดแย้งและความรุนแรง โดยหวังว่า ผู้ที่ขัดแย้งจะได้หันมาเจรจากันอย่างสันติ อีกทั้งได้นำเสนอวิถีทางปฏิรูปประเทศอย่างสร้างสรรค์ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ เพื่อที่การเมืองและสังคมไทยจะได้มีความแข็งแกร่ง เป็นเสาหลักให้แก่ประเทศชาติต่อไปอย่างยั่งยืน โดยในช่วงวิกฤติที่ผ่านมา ได้ร่วมจัดเวทีกลาง 7 องค์กรภาคธุรกิจเอกชน การรับฟังความคิดเห็นในการเสนอทางออกประเทศร่วมกับอีก 18 องค์กร และการเดินหน้าปฏิรูปของ 70 องค์กร ดังเป็นที่ประจักษ์แล้ว จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลรักษาการจะได้ตระหนักถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของภาคธุรกิจเอกชน และร่วมกันหาทางออกให้กับประเทศชาติที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตินี้โดยเร็ว