พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรียังยืนยันว่า การจ่ายเงินในโครงการจำนำข้าวมีกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีรองรับอยู่แล้ว ดังนั้น สถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ให้กับโครงการดังกล่าวจึงไม่ต้องเป็นกังวล
"ดิฉันเชื่อมั่นตั้งแต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอโครงการนี้ และพี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจพรรคและตัวดิฉัน ว่าโครงการจะยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเพื่อสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับชาวนาไทยทุกคน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พร้อมระบุว่า ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลก็ประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ชาวนามีรายได้เพิ่ม ทั้งยังเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจรากหญ้า และการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม
สำหรับการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการนั้น มีความชัดเจนถึงที่มาของแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการ แน่นอนที่สุด ประการแรกคือ รายได้จากการระบายข้าวในตลาด ซึ่งมีกระทรวงพาณิชย์เป็นเจ้าภาพหลัก และประการที่สองคือ เงินจากการบริหารจัดการของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีตามกลไกปกติของกระทรวงที่จะจัดเงินมาสนับสนุน รวมถึงอนุมัติให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)กู้เงินเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวจากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนภายในวงเงินที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
"เป็นที่น่าเสียดายว่าความฝันความหวังที่จะลืมตาอ้าปากของชาวนาไทย กำลังโดนเกมการเมือง สร้างกระบวนการบ่อนทำลายอันรวดเร็วจนจะหมดสิ้นลงในไม่ช้า ดิฉันมีความเสียใจและต้องขอโทษพี่น้องชาวนา ที่เหตุการณ์เอาชาวนาเป็นตัวประกันของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทำให้รัฐบาลไม่สามารถดำเนินโครงการได้ด้วยความราบรื่นอย่างที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในปัจจุบัน แต่ไม่ว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากเพียงใด ดิฉันก็จะไม่ย่อท้อ และยืนหยัดต่อสู้เพื่อพี่น้องชาวนาต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า เกมการเมืองที่กล่าวถึงนี้ มาจากกลุ่มที่ต่อต้านรัฐบาลมีแนวทางที่จะล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และตั้งรัฐบาลที่ไม่เป็นประชาธิปไตยให้เกิดขึ้น ความคิดที่เห็นต่างนั้นมีได้ และการชุมนุมประท้วงเป็นสิทธิเสรีภาพของทุกคน แต่เมื่อรัฐบาลได้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชนแล้ว ทุกฝ่ายก็ควรที่จะมุ่งหน้าสู่การเลือกตั้ง และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าเขาต้องการนโยบายใด และให้ผู้ใดเป็นผู้บริหารประเทศ
แต่กลุ่มต่อต้านรัฐบาลไม่ยอมดำเนินการตามกติกาที่เป็นสากล ไม่เข้าสู่การเลือกตั้ง และยังคงดำเนินยุทธวิธีที่จะทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาล โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายต่อประเทศชาติโดยรวม และยังพร้อมที่จะใช้ทุกช่องโหว่เพื่อทำลายนโยบายที่ประชาชนได้ประโยชน์ อย่างเช่น โครงการจำนำข้าว
"ขณะนี้การบ่อนทำลายโครงการจำนำข้าวไปถึงขั้นการสกัดกั้นที่จะไม่ให้รัฐบาลจ่ายเงินค่าข้าวให้กับชาวนา การขัดขวางทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เพื่อให้การจัดหาแหล่งเงินทุนหมุนเวียนสำหรับโครงการรับจำนำข้าวจะต้องสะดุดหยุดลง หรือชะลอการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่มีเหตุอันควรทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ซึ่งในความเป็นจริงหากทุกฝ่ายมีความจริงใจที่จะแก้ไขปัญหา หากทุกธนาคารและผู้บริหารจะเห็นใจและมีน้ำใจต่อชาวนาไทย เข้าใจถึงความเดือดเนื้อร้อนใจ การบริหารการเงินของรัฐบาลก็จะเดินหน้าได้ ดิฉันยืนยันว่าเงินทุกบาทรัฐบาลรับผิดชอบอยู่แล้ว เงินของธนาคารก็มีหลักประกันตามกฎหมาย จึงไม่มีใครสามารถนำเงินฝากของทางธนาคารไปใช้ในทางที่ผิด" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ในปัจจุบันสถาบันการเงินมีสถานะที่มั่นคง และที่สำคัญสภาพคล่องในระบบการเงินการธนาคารนั้นมีสูงมาก ดังนั้นทางธนาคารสามารถดำเนินการปล่อยกู้ตามขั้นตอนเพื่อช่วยเหลือชาวนา โดยไม่ทำให้ทางธนาคารมีความเสี่ยงมากจนไม่สามารถบริหารจัดการได้ การดำเนินการในครั้งนี้ไม่เหมือนในอดีตที่การบริหารการเงินผิดพลาดทำให้สถาบันการเงินต้องปิดตัวลง และการบริหารงบประมาณของโครงการเป็นไปตามหลักวินัยการเงินการคลังมาอย่างต่อเนื่อง ธนาคาร ผู้บริหาร และพนักงานสมาชิกสหภาพซึ่งเป็นธนาคารของรัฐจึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว ทุกขั้นตอนมีกฎหมายและมติคณะรัฐมนตรีรองรับอยู่อย่างถูกต้อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีกระบวนการกล่าวหาและตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของการบริหารโครงการรับจำนำข้าว ทั้งโจมตีทางการเมืองและกฎหมายว่า โครงการรับจำนำข้าวมีการทุจริตคอรัปชั่นที่เป็นระบบระดับนโยบาย ซึ่งขอยืนยันว่าในระดับนโยบายไม่มีการสร้างวิธีที่จะโกงเงินดังที่ถูกกล่าวหา และในระดับปฏิบัติหากมีการรั่วไหล
ทั้งนี้ ส่วนตัวก็ต้องการเห็นการตรวจสอบที่เข้มงวด และยินดีในกระบวนการตรวจสอบความชอบด้วยกฎหมายของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยไม่เลือกปฏิบัติและมีความเสมอภาคภายใต้หลักนิติธรรมโดยไม่มีความลำเอียงหรือวาระทางการเมืองที่ซ้อนเร้น เพราะหากเป็นเช่นนั้นแล้ว นอกจากโครงการดีๆ จะถูกทำลาย ความน่าเชื่อถือของระบบและกระบวนการตรวจสอบก็จะสูญศรัทธาไปด้วย
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่พี่น้องชาวนารอการเบิกจ่ายเงินนั้น รัฐบาลตระหนักถึงความยากลำบากจึงได้กำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเท่าที่จำเป็นของปัญหาที่เกิดขึ้น โดย ธ.ก.ส.จะขยายเวลาการชำระหนี้ออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน
นอกจากนี้ เพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงเงินกู้เพื่อนำไปใช้ในเตรียมการผลิตในฤดูกาลต่อไปที่กำลังจะมาถึง ธ.ก.ส.จะขยายวงเงินให้ลูกค้ารายปัจจุบัน โดยสามารถใช้หลักค้ำประกันที่ได้วางได้กับ ธ.ก.ส. โดยมาตรการนี้ครอบคลุมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทาง ธ.ก.ส.ด้วย โดยชาวนาสามารถสมัครเป็นสมาชิกและยื่นความจำนงที่ ธ.ก.ส.สาขาใกล้บ้าน สำหรับชาวนาที่อยู่ภายใต้สถาบันเกษตร (สหกรณ์) สามารถขอเงินกู้จากสหกรณ์ได้เช่นกัน
"ดิฉันในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลจะปกป้องรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและพี่น้องประชาชนทุกคน ดิฉันจะไม่ยอมให้เกมการเมืองมาเอารัดเอาเปรียบเอาพี่น้องเป็นตัวประกัน ดิฉันขอความร่วมมือและความเห็นใจของทุกฝ่ายต่อความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนา ทุกหยาดเหงื่อของพวกเขา มีค่ามากต่อวิถีชีวิตของคนไทยทุกคน เราจะต้องไม่ปล่อยให้กระดูกสันหลังของชาติพิกลพิการ ชาวนาไทยจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนไทยทุกคน"นายกรัฐมนตรี กล่าว