ก่อนหน้านี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า คำแถลงของนายกรัฐมนตรีผ่านทีวีเฉพาะกิจเมื่อวาน อาจเป็นปัญหา เนื่องจากยังอยู่ในช่วงการเลือกตั้ง
โดยข้อความที่นายกรัฐมนตรีพูดไว้นั้น (1) "ก่อนอื่นดิฉันขอยืนยันถึงเจตนารมณ์และวัตถุประสงค์ที่ดีของรัฐบาลต่อโครงการรับจำนำข้าว ดิฉันเชื่อมั่นตั้งแต่เมื่อพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอโครงการนี้ และพี่น้องประชาชนได้ให้ความไว้วางใจพรรคและตัวดิฉัน ว่าโครงการจะยกระดับรายได้และคุณภาพชีวิตเพื่อสร้างความมั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนให้กับชาวนาไทยทุกคนในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมา โครงการจำนำข้าวของรัฐบาลก็ประสบความสำเร็จ บรรลุเป้าหมาย ชาวนามีรายได้เพิ่ม ทั้งยังเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจรากหญ้า และการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมประชาชนเห็นถึงผลที่ชัดเจน เงินตกถึงมือเกษตรกรตัวจริง โครงการจึงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสร้างความภาคภูมิใจให้กับทุกคนที่เกี่ยวข้อง"
(2) "ในระหว่างที่พี่น้องชาวนารอการเบิกจ่ายเงินนั้นรัฐบาลตระหนักถึงความยากลำบากจึงได้กำหนดมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเท่าที่จำเป็นของปัญหาที่เกิดขึ้น โดยทาง ธ.ก.ส จะขยายเวลาการชำระหนี้ ออกไปเป็นระยะเวลา 6 เดือน นอกจากนี้ เพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงเงินกู้เพื่อนำไปใช้ในเตรียมการผลิตในฤดูกาลต่อไปที่กำลังจะมาถึง ธ.ก.ส. จะขยายวงเงินให้ลูกค้ารายปัจจุบัน โดยสามารถใช้หลักค้ำประกันที่ได้วางได้กับ ธ.ก.ส. โดยมาตรการนี้ครอบคลุมถึงชาวนาที่ไม่ได้เป็นลูกค้าของทาง ธ.ก.ส. ด้วย โดยพี่น้องชาวนาสามารถสมัครเป็นสมาชิกและยื่นความจำนงที่ ธ.ก.ส. สาขาใกล้บ้าน สำหรับชาวนาที่อยู่ภายใต้สถาบันเกษตร (สหกรณ์) สามารถขอเงินกู้จากสหกรณ์ได้เช่นกัน"
(3) "สุดท้ายนี้ดิฉันในฐานะหัวหน้ารัฐบาลขอยืนยันอีกครั้งว่ารัฐบาลจะปกป้องรักษาผลประโยชน์ของพี่น้องชาวนาและพี่น้องประชาชนทุกคน ดิฉันจะไม่ยอมให้เกมการเมืองมาเอารัดเอาเปรียบเอาพี่น้องเป็นตัวประกัน ดิฉันขอความร่วมมือและความเห็นใจของทุกฝ่ายต่อความทุกข์ยากของพี่น้องชาวนา ทุกหยาดเหงื่อของพวกเขา มีค่ามากต่อวิถีชีวิตของคนไทยทุกคน เราจะต้องไม่ปล่อยให้กระดูกสันหลังของชาติพิกลพิการ ชาวนาไทยจะต้องมีคุณภาพชีวิตที่ดี มีรายได้ และมีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์เท่าเทียมกับคนไทยทุกคน"
นายสมชัย กล่าวว่า ข้อความ(1) เป็นการใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์หาเสียง ขัดต่อมาตรา 60 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ และประกาศ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงฯ, ข้อความ(2) เป็นการสัญญาว่าจะให้ตามมาตรา 53(1)(2) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ, ข้อความ(3) เป็นการใช้สื่อวิทยุโทรทัศน์หาเสียง ขัดต่อมาตรา 60 และประกาศ กกต.ว่าด้วยการหาเสียงฯ, ข้อความ(1)+(2)+(3) ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 181(4) เรื่องการใช้ทรัพยากรของรัฐในการหาเสียงสื่อของรัฐ จนท.รัฐวางตัวไม่เป็นกลาง(มาตรา 57) พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญฯ ซึ่งในฐานะกรรมการเลือกตั้ง และเกรงว่าประเด็นดังกล่าว จะเป็นประเด็นการเมือง จึงอยากขอให้ผู้ที่เกี่ยวข้องระมัดระวังในเรื่องดังกล่าวด้วย
และในสัปดาห์หน้า กกต.จะเชิญอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการช่อง 11 มาพบ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการทำหน้าที่สื่อของรัฐในช่วงการเลือกตั้ง การนัดครั้งนี้เป็นการนัดครั้งที่ 3 แล้วหากยังไม่มา กกต.คงต้องมีมติอย่างใดอย่างหนึ่ง