"ขอแสดงความเสียใจกับผู้ที่บาดเจ็บและสูญเสียชีวิตไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่"
วันนี้ ทางกองทัพบกพยายามหารือไปยังนายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการทตำรวจแห่งชาติ ศูนย์รักษาความสงบ(ศรส.) และทุกกลุ่มผู้ชุมนุมในการจะร่วมกันยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้นให้ได้ รวมถึงหาตัวผู้กระทำความผิดใช้อาวุธสงครามอย่างอุกอาจไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด โดยถือเป็นความรับผิดชอบของรัฐและเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจทุกภาคส่วนที่ต้องพิสูจน์ทราบ เพื่อดำเนินการป้องกันปราบปรามตามกระบวนการทางกฎหมายให้ได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากยังคงมีอยู่นับวันสถานการณ์จะมีความรุนแรงมากขึ้นจนไม่สามารถควบคุม หรือยุติได้ และจะทำให้เกิดความสูญเสียต่อประเทศชาติอย่างมหาศาลในโอกาสต่อไป
สำหรับกลุ่มผุ้ก่อเหตุรุนแรง จากข้อมูลงานด้านการข่าวพบว่า มีหลายกลุ่มด้วยกัน ส่วนใหญ่จะมีส่วนกับการชุมนุมในปี 53 ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิสูจน์ทราบและหาหลักฐานให้ชัดเจน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้เร็วที่สุด กองทัพไม่กลัวการปฏิบัติหน้าที่เพื่อแก้ไขสถานการณ์ แต่เกรงว่าจะเกิดความบาดเจ็บสูญเสียของประชาชนเพิ่มขึ้นอีกจำนวนมาก เนื่องจากยังมีหลายพวกหลายฝ่ายไม่เข้าใจและยังต่อต้านการปฏิบัติหน้าที่ของทหาร การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทหาร และข้าราชการในปัจจุบันไม่ได้หมายความว่า จะสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งหมดเป็นการทำหน้าที่ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่มีผลบังคับใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ส่วนการใช้อาวุธต่อผู้ชุมนุมและเจ้าหน้าที่ไม่ว่าจะเกิดจากฝ่ายใดถือเป็นความผิดร้ายแรงตามกฎหมายที่ชัดเจน เจ้าหน้าที่และรัฐบาลจำเป็นจะต้องยุติให้ได้โดยเร็ว โดยการจับกุมดำเนินคดีให้ได้ และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เช่นเดียวกับการใช้อาวุธต่อศาล องค์กรอิสระ สถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ก็เป็นความผิดร้ายแรงเช่นกัน
พร้อมขอร้องให้ทุกกลุ่มของผู้ชุมนุมไม่ให้เกิดการบุกรุก ยึดสถานที่ราชการ หรือใช้อาวุธต่อเจ้าหน้าที่ เพื่อหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ
"สถานการณ์ที่มีเหตุการณ์ร้ายแรงจะต้องมีผู้รับผิดชอบ ไม่ได้หมายความว่า ทหารจะสามารถใช้กำลังคลี่คลายสถานการณ์ได้ โดยไม่ยึดถือหลักกฎกติกา หรือกฎหมาย เพราะความขัดแย้งในปัจจุบันเกิดขึ้นในหลายระดับ ทั้งกับเจ้าหน้าที่และประชาชนหลายกลุ่ม หากมีการใช้กำลังแก้ไขที่ปลายเหตุย่อมหมายความว่า กฎหมายและรัฐธรรมนูญที่มีอยู่ในปัจจุบันจะต้องถูกยกเลิก ไม่ได้รับการยึดถืออีกต่อไป หลายพวกหลายฝ่ายที่อยากให้ใช้วิธีการดังกล่าว ขอให้กลับมาพิจารณาและมาตั้งสติว่า ปัญหาเหล่านี้จะยุติได้ด้วยวิธีการอันสงบหรือไม่ หากเรากระทำไปในลักษณะนั้นจะขยายความรุนแรงออกไปหรือไม่ ในเมื่อยังคงมีการปลุกระดมประชาชนทุกกลุ่ม ทุกพวก ในทุกวงการให้มาต่อสู้ซึ่งกันและกัน"
สิ่งที่กองทัพดำเนินการในเวลานี้จำเป็นต้องยึดถือกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการจัดกำลังออกมาดูแลประชาชนในพื้นที่ที่มีการประกาศกฎหมายพิเศษเป็นจำนวนมากตลอด 24 ชั่วโมง
"หากเราดำเนินการไม่ถูกวิธี หรือใช้กำลังทหารเต็มรูปแบบ เราจะแน่ใจได้หรือว่า สถานการณ์จะยุติลงได้โดยสงบ ขณะที่ทุกฝ่ายยังไม่พยายามลดเงื่อนไข ไม่พยายามพิสูจน์หาข้อเท็จจริง และยอมรับกฎกติกา กฎหมายของสังคม สิ่งที่น่ากระกระทำในเวลานี้คือ ให้ทุกฝ่ายได้ทำงานตามความรับผิดชอบของตนอย่างเต็มสติกำลังอย่างครบถ้วนด้วยความเป็นธรรม อำนวยความยุติธรรมได้อย่างถูกต้อง และสมบูรณ์โดยไม่ถูกกดดันโดยฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด และหาทางลดความขัดแย้งให้ได้โดยเร็ว"
ประการสำคัญ คือ การใช้กำลังทหารคลี่คลายสถานการณ์อย่างเต็มรูปแบบนั้น จะได้รับการยอมรับจากประชาชนที่อยู่นอกเหนือจากความขัดแย้งนี้หรือไม่ เรื่องนี้ต้องพิจารณาด้วยความระมัดระวัง ประกอบกับขณะนี้สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจสังคมของประเทศไทยในสายตาของต่างชาติยังมีความสำคัญ สำหรับความขัดแย้งในครั้งนี้เป็นไปอย่างกว้างขวางมากกว่าปี 2553 เพราะในปี 53 เกิดจากคู่ขัดแย้งไม่มากนัก แต่ในปัจจุบันมีหลายกลุ่มและมีเงื่อนไขสลับซับซ้อน
สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน คือ ให้ทุกพวกทุกกลุ่มมาพูดคุย หารือกันเพื่อให้เชื่อได้ว่าจะได้รับความเป็นธรรม ความชอบธรรมอย่างเท่าเทียม และช่วยกันก้าวเดินนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่เป็นระบบอย่างสันติวิธี การแก้ไขดังกล่าวต้องอาศัยประชาชนทั้งประเทศเรียกร้องให้เกิดขึ้น อย่าคิดว่า ธุระไม่ใช่ หรือการถือพวก ถือฝ่าย ต้องเอาผลประโยชน์ของชาติทั้งปัจจุบันและอนาคตมาเป็นหลักในการแก้ปัญหาวิกฤติการณ์ในปัจจุบันให้ได้จนได้รับการยอมรับในข้อเท็จจริงจากคู่ขัดแย้งและประชาชนทุกหมู่เหล่าที่เป็นคนไทยและเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ทหารไม่ต้องการใช้กำลังและอาวุธมาต่อสู้กับคนไทยด้วยกันที่เห็นต่าง โดยไม่จำเป็น เนื่องจากสถานการณ์ในปัจจุบันยังมีกฎหมายรัฐธรรมนูญบังคับใช้ หากมีการสูญเสียเกิดขึ้นอีกต่อไป ประเทศชาติจะล่มสลายอย่างแน่นอน และจะไม่มีใครชนะหรือแพ้อีกต่อไป
สิ่งที่เราคาดหวังคือ อยากให้ทุกฝ่ายได้นำเงื่อนไขทั้งหมดมาชี้แจง พิสูจน์ทราบในข้อเท็จจริงให้ชัดเจนขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ความไม่เข้าใจ และขยายความขัดแย้งไปมากกว่านี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฎแล้วก็จะทำให้ได้รับการยอมรับและจะได้หาทางแก้ปัญหาด้วยการบังคับใช้กฎมหาย เพื่อไปสู่ความสงบสุขอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้มวลชนออกมาต่อสู้กัน ซึ่งผลสุดท้ายผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ สูญเสีย คือ ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ตลอดจนกฎหมายทุกฉบับจะถูกทำลายอย่างยับเยิน
การใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายของทุกฝ่ายมาต่อสู้กันเพื่อความถูกต้อง ความชอบธรรม ความยุติธรรม มาตรฐานที่ทัดเทียม ที่แต่ละฝ่ายกล่าวอ้างว่า ไม่ได้รับ ความโปร่งใส การทุจริตในโครงการต่างๆทั้งอดีตและปัจจุบัน การปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ภายใต้รัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การปฏิบัติของกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระที่ไม่ได้รับการยอมรับโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะต้องกระทำได้โดยไม่ถูกกดดัน และไม่ปลอดภัย รวมถึงการปฏิบัติงานของข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหารตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่ต้องถูกบังคับให้เลือกข้าง การว่ากล่าวให้ร้ายปลุกระดมทางสื่อและโซเชียล มีเดียที่ไม่เป็นข้อเท็จจริงและขยายความขัดแย้งให้มากขึ้น
"ทั้งหมดคือ เหตุผลและความจำเป็นที่ต้องออกมาชี้แจงในวันนี้เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกับคนไทยอีกต่อไป ทุกพวกทุกฝ่ายที่เป็นคนไทยต้องออกมาร่วมกันแสวงหาทางออกให้ได้โดยเร็วที่สุด ก่อนที่ทุกระบบในการขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยจะสูญเสียไปอย่างถาวร ประการสำคัญคือ กองทัพถูกว่ากล่าว ให้ร้าย ถูกดึงเข้าไปในความขัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกองทัพพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด ขณะที่กองทัพกำลังรับผิดชอบงานด้านอื่นอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง มุ่งหวังให้การแก้ไขปัญหาของประเทศชาติดำเนินการไปอย่างสันติวิธีและรวดเร็วและไม่สร้างความขัดแย้งอีกต่อไป"