ทั้งนี้ กกต.จะประสานให้เกิดการพูดคุยอยู่ตลอดเวลา นัดหมายสถานที่ นัดหมายเวลา ว่าใครจะเจอกับใคร เป็นสิ่งที่พยายามดำเนินการอยู่
"ส่วนที่เลือกจับคู่หลวงปู่พุทธะอิสระ กับ นายสมชาย เป็นคู่แรก เพราะคิดว่าจะคุยง่ายก็เริ่มจากตรงนั้น ผมรู้แต่ว่าใครคุยง่าย ผมก็เริ่มจากตรงนั้น คิดว่ามีคลื่นบางอย่างตรงกัน มีคลื่นของการอยากเจรจา อยากหาทางออกของบ้านเมือง น่าจะมีการยอมให้อีกฝ่ายมีที่ยืนจุดยืนได้บ้าง ไม่ได้มุ่งเอาแพ้ชนะกันอย่างเดียว ถ้ามีคลื่นตรงนั้นเกิดขึ้นผมก็พยายามแสวงหาว่าจุดไหนที่สามารถพูดคุยกันได้บ้าง และก็ต้องเป็นคนที่สำคัญพอสมควร ซึ่งผมพยายามนึกชื่อ 3 คนในแต่ละฝ่าย ที่คุยแล้วจบ"นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า เชื่อว่าถ้าดำเนินการได้ตามนี้ ภายใน 1 สัปดาห์จากนี้ บรรยากาศต่างๆ จะเริ่มดีขึ้น
"ถือว่าการเจรจาในรอบแรกบรรลุเป้าหมายที่ดี ยกเว้นข่าวรั่ว...3-4 วันจากนี้เราค่อยมาดู ถ้าแนวโน้มออกมาดีสังคมก็น่าจะดีใจด้วย"นายสมชัย กล่าว
สำหรับการเจรจาระหว่างหลวงปู่พุทธะอิสระกับนายสมชายเมื่อวานนี้ ไม่ได้มีเรื่องการขอร้องว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับบริษัทหรือธุรกิจในเครือตระกูลชินวัตร เป็นการคุยเรื่องของกระบวนการว่าจะมีการดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนจากนี้ไปได้อย่างไร ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเงื่อนไขว่าความรุนแรงต้องลดลง แต่ละฝ่ายต้องกลับไปประสานกับฝ่ายของตัวเองทั้งมโนกรรม วจีกรรม กายกรรม ว่าต้องไม่มุ่งร้ายต่อกัน ยอมรับการเจรจา เห็นว่าการเจรจาจะเป็นแนวทางไปสู่ผลสำเร็จ
เรื่องของกายกรรม การดำเนินการเชิงรุกของ กปปส.ในการไปบุกตามสถานที่ต่างๆ ต้องพยายามให้ลดลง อาจจะเปลี่ยนกิจกรรมในเชิงวิชาการ หรือวัฒนธรรมามากขึ้น หยุดการทำร้าย ลอบยิง ลอบวางระเบิด ยกเว้นถ้าเป็นฝีมือของมือที่ 3 ก็อาจจะทำได้ยาก
นายสมชัย กล่าวว่า การเจรจาจะยังมีอยู่ต่อไปจาก 2 จะเป็น 4 จาก 4 เป็น 6 ซึ่งการเจรจาครั้งหน้าคือสัปดาห์หน้า ส่วนวันจันทร์หรืออังคารยังไม่นิ่ง ตอนนี้มีชื่อผู้ร่วมวงเจรจาแล้ว ไม่มีตัวปลอม
ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า แม้การเจรจาดังกล่าวจะไม่ได้ข้อยุติที่เป็นรูปธรรมใดๆ เลย แต่อย่างน้อยก็ได้รับฟังความต้องการและเสียงของหัวใจอีกฝ่ายที่อยากเห็นทางออกของประเทศ เพื่อไม่ให้บอบช้ำไปกว่าที่เป็นอยู่ และจะนำไปสู่การเจรจาในครั้งต่อๆ ไป ซึ่งวันอาทิตย์นี้ตนมีการบ้านต้องทำ ข้อเสนอแต่ละฝ่ายได้เอาชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง แสวงหากระบวนการสันติวิธีด้วยการเจรจาเพื่อหาทางออกประเทศร่วมกัน กระบวนการบางอย่างก็เปิดเผยไม่ได้ เมื่อยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสม แต่น่าเสียดายที่ทีมงานหลวงปู่ไม่เป็นตามข้อตกลงที่จะยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน เพราะจะส่งผลทำให้กระบวนการเจรจาในอนาคตแทนที่จะง่ายกลับทำให้ยากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวีของคู่เจรจา และของตัวผู้ประสานงาน หรือส่งผลให้อาจไม่มีการเจรจาขึ้นอีกเลยก็ได้
"จากประสบการณ์ที่ผมอยู่ในเวทีเจรจามาเยอะ ซึ่งในสถานการณ์แบบนี้คนแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่าย ในแต่ละฝ่ายระดับความเข้มข้นในความศรัทธาไม่เท่ากัน บางกลุ่มเห็นด้วยแต่แค่มาร่วมชุมนุม ขณะที่บางกลุ่มยอมถวายชีวิตให้ ทุกคนรับการบ้านไปคุยในฝ่ายของตัวเอง แต่มันถูกเปิดเผยออกมาก่อนที่การดำเนินการเจรจาในกลุ่มตัวเองจะเกิดขึ้น ถ้ากลุ่มฮาร์ดคอร์ที่ไม่มีความประสงค์จะเจรจาเลย ถือว่าเป็นการดำเนินยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด ทำให้คนที่มีหน้าที่เจรจาต่อไปทำงานยากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี แต่เมื่อไหร่ที่มีการเจรจาก็พร้อมจะไปร่วมด้วย"นายธวัชชัย กล่าว