โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบที่จะให้กำหนดโซนควบคุมสกัดกั้นเคมีภัณฑ์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่มีความผิดตามกฎหมาย สามารถนำมาใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตยาเสพติด พร้อมทั้งให้ออกประกาศเคมีภัณฑ์ดังกล่าวให้เป็นสารควบคุมที่มีความผิดตามกฎหมาย และผลักดันให้มีการออกประกาศของสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่อง การควบคุมการจัดการด้านโลจิสติกส์ในการเข้มงวดตรวจสอบสินค้าที่จัดส่ง รวมถึงการรับสมัครบุคลากรที่เป็นชนเผ่าต่างๆ เพื่อลดช่องว่างการลักลอบขนยาเสพติดในรถขนส่งสินค้าต่างๆ อีกทั้งให้เชื่อมโยงระบบกล้อง CCTV ของกระทรวงคมนาคม เพื่อประยุกต์การใช้งานด้านเทคโนโลยีอย่างบูรณาการและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจค้นยาเสพติด พร้อมทั้ง เพิ่มมาตรการตรวจค้นรถบรรทุกสินค้าและรถโดยสาร ซึ่งรถบรรทุกสินค้าต้องมีใบจำกัดสินค้าระบุสินค้า เพื่อแสดงเป็นหลักฐานในการขนส่งสินค้า
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชื่นชมการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกคนช่วยกันสกัดกั้นการนำเข้ายาเสพติดตามแนวชายแดนหรือในหมู่บ้านตามแนวชายแดนอย่างเต็มความสามารถ ทำให้ลดปริมาณของยาเสพติดและจำนวนผู้เสพยาลดลง พร้อมทั้งฝากให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดเป็นผู้ประสานความร่วมมือจากกลุ่มประเทศอาเซียน อาทิ สาธารณรัฐประชาชนจีน ให้ร่วมมือกันในการสกัดกั้นปราบปรามการผลิตและลำเลียงยาเสพติดอีกด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังฝากกองทัพให้ช่วยกันหาแนวทางส่งเสริมชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยหาแนวทางส่งเสริมการจัดหางานและส่งเสริมการประกอบอาชีพ เช่น การปลูกพืชเศรษฐกิจทดแทน เพื่อสร้างรายได้ให้กับครอบครัว แทนการจำหน่ายยาเสพติด พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ฝากให้กระทรวงคมนาคมนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยทำงานพร้อมปรับพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ให้มีความปลอดภัย และลดจุดในการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด นอกจากนี้ ให้กระทรวงมหาดไทยดูแลเรื่องสถานที่บำบัดผู้ติดยาเสพติดให้มีความเพียงพอต่อจำนวนผู้บำบัด ลดความแออัด พร้อมทั้งฝึกอบรมสร้างอาชีพ เพื่อคืนคนดีสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึง การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชนและให้คนในชุมชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาสอดส่องยาเสพติด รวมถึง เป็นกำลังสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันให้คนในชุมชนห่างไกลยาเสพติด